ลูกพญาแร้งถือกำเนิด ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ภายใต้โครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญเนื่องจากพญาแร้งใกล้สูญพันธุ์ไปจากผืนป่าของไทยแล้ว
วันนี้ (10 เม.ย. 68) โครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์พญาแร้งอีกครั้ง ที่หน่วยพิทักษ์ป่าซับฟ้าผ่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
โดยเมื่อวันอังคาร (8 เม.ย. 68) ที่ผ่านมา ลูกพญาแร้งได้ถือกำเนิดขึ้นในกรงฟื้นฟู ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นลูกพญาแร้งตัวที่ 3 ภายใต้โครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทย และถือเป็นลูกพญาแร้งตัวที่ 2 ที่เกิดกลางป่าห้วยขาแข้ง จากคู่ของพญาแร้งป๊อก (เพศผู้) และพญาแร้งมิ่ง (เพศเมีย) ซึ่งสร้างความดีใจให้กับทีมงานของโครงการฯ เป็นอย่างมาก นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ หลังจากที่พญาแร้งจะสูญพันธุ์ไปจากผืนป่าของประเทศไทยนานหลายทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ การดำเนินโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทย สามารถขยายพันธุ์พญาแร้งได้แล้ว 2 ตัว โดยตัวแรกชื่อว่า “ต้าวเหม่ง” (พญาแร้งเพศเมีย) ลูกพญาแร้งตัวแรกที่เกิดภายใต้โครงการฯ ฟักออกจากไข่ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ที่สวนสัตว์นครราชสีมา จากการจับคู่ของพญาแร้งแจ๊ค (เพศผู้) และพญาแร้งนุ้ย (เพศเมีย) ซึ่งปัจจุบันพญาแร้งนุ้ยเสียชีวิตแล้ว
ตัวที่ 2 ชื่อว่า “51” (พญาแร้งเพศเมีย) ลูกพญาแร้งเกิดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ในกรงเพาะเลี้ยงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นลูกพญาแร้งตัวที่ 2 ภายใต้โครงการฯ ถือเป็นลูกพญาแร้งตัวแรกที่เกิดกลางป่าห้วยขาแข้ง หลังจากพญาแร้งสูญพันธุ์จากผืนป่าแห่งนี้ไปนานกว่า 30 ปี จากการจับคู่ของพญาแร้งป๊อก (เพศผู้) และพญาแร้งมิ่ง (เพศเมีย) หมายเหตุ 51 เป็นรหัสเรียกหน่วยซับฟ้าผ่า ที่ตั้งกรงเพาะพันธุ์
ทั้งนี้ พญาแร้ง ถูกจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง Critically Endangered (CR) จากการประเมินสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ International Union for Conservation of Nature (IUCN) หรือ IUCN Red List และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)