ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าออกไปอีก 90 วัน หลังเพิ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ไปไม่ถึง 1 วัน อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ไม่มีผลกับการจัดเก็บภาษีจากจีน หนำซ้ำ "ทรัมป์" ยังประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกครั้ง รวมเป็น 125 เปอร์เซ็นต์ โดยมีผลในทันที ซึ่งความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นในเวลาเพียง 7 ชั่วโมง หลังจีนเพิ่งประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ อีก 50 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 84 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยิ่งทำให้สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ระอุขึ้นอีก ขณะที่ "ทรัมป์" ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนชี้แจ้งเสียงวิจารณ์การขึ้นภาษีว่า หลายฝ่ายแตกตื่นจนเกินไป
ด้านชาวอเมริกันบางส่วนมองว่า แม้ว่าทรัมป์จะเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปอีก 90 วัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรแตกต่างออกไป โดยเฉพาะกับกลุ่มชนชั้นล่าง และผู้มีรายได้น้อย
ในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับคำสั่งชะลอภาษีตอบโต้ 90 วันของประธานาธิบดีทรัมป์ ทันที โดย ดัชนี S&P 500 ซึ่งรวมหุ้นบริษัทชั้นแนวหน้าของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น 9.5 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ หลังจากช่วง 4 วันที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกลงมากที่สุด นับตั้งแต่ช่วงแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดตลาดเช้าวันนี้
องค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ (WTO) คาดการณ์ว่าการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะลดลงมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยวิธีการตาต่อตาฟันต่อฟันระหว่างชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็น 2 อันดับแรกของโลก ซึ่งคิดรวมเป็นประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของการค้าโลก จะส่งผลกระทบในวงกว้างที่อาจสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ ท่าทีนานาชาติต่างชาติ ต่างยินดีกับการชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพราะสงครามการค้าไม่เป็นประโยชน์กับใคร ส่วนทางการจีน ณ ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่สื่อมวลชนจีนมองว่า ปัจจุบัน จีนมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มากกว่าในช่วงทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก เนื่องจากการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ที่ลดลง ทำให้จีนมีความมั่นใจมากขึ้นในการรับมือกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ มากขึ้น แม้ยังต้องการเจรจามากกว่า