ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จนถึงขณะนี้ ยังจับกุมตัว "นายต้นกล้า" ไม่ได้ หลังขับรถยนต์แต่งซิ่งพุ่งชนคุณครูเกษียณอายุ เสียชีวิตคาที่หน้าบ้าน ขณะรอตักบาตรเช้า ตอนนี้คนในโซเชียลพากันขุดคุ้ยประวัติของผู้ก่อเหตุคนนี้
ย้อนกลับไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพรถยนต์ 2 คัน ขับเเข่งขันมาด้วยความเร็ว บนถนนสายตะเคียนเลื่อน มุ่งหน้าสู่เมืองนครสวรรค์ ก่อนจะเสียหลักพุ่งชน นางรัตนา อดีตครู อายุ 82 ปี เสียชีวิตหน้าบ้าน ขณะยืนรอใส่บาตรตอนเช้า
ขณะที่กล้องวงจรปิดในบ้าน บันทึกภาพอีกมุมหนึ่งไว้ชัดเจน จะได้ยินเสียงเบรกของรถทั้งสองคันที่ขับเเข่งขันกันมา ตามมาด้วยเสียงพุ่งชน เเละฝุ่นตลบอบอวล
หลังเกิดเหตุ นายศุภลักษณ์ คนขับรถกระบะ ถูกจับกุมตัวไว้ได้ ขณะกำลังวิ่งหลบหนี ส่วน นายภาณุพงศ์ หรือ ต้นกล้า ผู้ขับรถยนต์เเต่งซิ่งคันสีเเดง รีบขอให้คนขับรถกระบะคันสีน้ำเงินพาผู้หญิงที่นั่งมาด้วยไปโรงพยาบาล ก่อนจะหลบหนีไป
ส่วนคนขับรถที่ช่วยเหลือ ยืนยันว่าไม่รู้จักกัน ตนเองเป็นเพียงพลเมืองดี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า ช่วยเหลือ "นายภาณุพงศ์" โพสต์เฟซบุ๊กชี้เเจงเชิงตัดพ้อว่าถูกเข้าใจผิด ระบุว่า "ผมไม่ได้พยายามปกป้องคนทำผิดหรือช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น ตัวผมก็ไม่ได้นั่งรถคันนั้นมา แต่ผมได้รับสายโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือให้รีบไปตรงนั้น และให้เข้าไปหยิบของในรถหลายอย่าง แต่พี่กู้ภัยในภาพก็ห้าม ไม่ให้ผมเอาออก ก่อนตำรวจมา ผมก็เอาเก็บเข้าไปโยนในรถ ทำไมไม่เอาภาพตอนเดินกลับไปเก็บคืนมาด้วย ตัวผมตกใจ และเครียดมาก"
ขณะที่คนในโซเชียลต่างขุดคุ้ยพฤติกรรมในอดีตของนายภาณุพงศ์ โดยพบว่ามีหมายจับติดตัวถึง 2 คดี เป็นคดียาเสพติดเมื่อปี 2558 ซึ่งถูกจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 70 เม็ด ส่วนอีกหนึ่งคดีพบว่าเป็นคดีไปก่อเหตุชนแล้วหนี ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี จนกระทั่งมาก่อเหตุซิ่งแข่งรถจนชนนางรัตนา
นางรัตนพร หินแก้ว ลูกสาวของเเม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่ถูกนายภาณุพงศ์ขับรถชน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ มีคนกลางโทร.มาเจรจาจะจ่ายเงินให้ 1 เเสนบาท แต่ได้รับเงินเพียง 50,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับเงินอีกเลย
ด้านนางธนมนต์ งอกงาม แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวชี้ให้ดูรอยบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บ และพาไปดูรถพ่วงข้างที่ทำการซ่อมมาแล้ว บอกว่าปัจจุบันคดียังไม่มีความคืบหน้า
พันตำรวจเอก เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก. สภ.เมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนยังคงทำงานต่อเนื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาระดมกำลังปฏิบัติงานตลอดทั้งคืน คาดว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ในเร็ววันนี้ ส่วน นายศุภลักษณ์ คนขับรถกระบะ ที่ถูกจับกุมตัวก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา ฐานขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ส่วนของการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของนายศุภลักษณ์นั้น จะต้องรอผลตรวจจากแพทย์ออกมาเป็นทางการก่อน ถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้
ขณะที่เจ้าของรถกระบะคันสีน้ำเงิน พร้อมพรรคพวกอีก 3 คน ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือนายภาณุพงศ์นั้น ถูกสอบปากคำตลอดทั้งคืน และปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ
ล่าสุด นายภาณุพงศ์ ออกมาเปิดเผยแล้วว่า "น้องผู้หญิงมีอาการสาหัส ที่ผมต้องพาออกมาคือเจตนาพาน้องไปโรงพยาบาลครับ กระดูกหลังหักเกินครึ่ง
วันนั้นผู้ใหญ่บ้านก็มาที่จุดเกิดเหตุ คือผมบอกพี่ให้เขาเอากุญแจกับโทรศัพท์ 1 เครื่องมาให้ผม ผู้ใหญ่บ้านก็เลยตะโกนให้พี่เสื้อส้มไปเอามาให้"
นายภาณุพงศ์ บอกอีกว่า "ผมก็อยากไปมอบตัว อย่างที่พี่บอกนะครับ ผมรู้ ผมผิด ผมไม่เถียง และยอมรับทุกการกระทำของผม
ผมเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แฟนผมก็เจ็บหนัก ผมอึดอัด และยืนยันว่าไม่มียาเสพติดครับพี่ ส่วนคนที่มาขนของ ผมไม่รู้จักจริง ๆ สาบานพี่ว่าผมจะทำไงดี ผมเครียดมากครับ
ผมก็ทำงานครับ แต่งานผมไม่ได้ไปขนยาหรืออะไรผมขอไม่พุดตรงนี้นะพี่ ต้นทุนชีวิตคนเรามันต่างกัน ผมแค่ไม่มีที่ยืนเพราะผมไปออกแสงสว่างยืนคุยกันเรื่องผิดถูกไม่ได้ เพราะประเด็นคดีที่ติดตัวผมยังค้างอยู่ไม่จบครับ
พี่รู้ไหมครับ ยายที่ท่านเสีย เขาเป็นยายเพื่อนผมเลยนะ ผมจิตตก รู้สึกเคว้งคว้างมาก ผมนี่พูดไม่ออกเลย"