วันนี้ (14 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตร. สภ.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่า มีคนจมน้ำ ยังหาไม่พบตัว จึงรีบประสาน จนท.กู้ชีพกู้ภัย ทีมนักประดาน้ำพร้อมอุปกรณ์เข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเร่งทำการลงค้นหา
โดยได้ประสานกับทีมตอบโต้ภัยพิบัติกู้ภัยทางน้ำ พร้อมกับทีมชุดปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ จาก อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อำเภอปราสาท ให้ออกตรวจสอบสนับสนุน ให้การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน
ที่เกิดเหตุเป็นฝายน้ำล้นลำห้วยแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่รอยต่อ บ้านผักหว้า-บ้านกระดาด ต.โคกยาง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ หลังจากรับแจ้งเหตุ จึงได้จัดชุดปฏิบัติการตอบโต้ภัยพิบัติกู้ภัยทางน้ำ พร้อม ชุดปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท ให้เดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งในจุดเกิดเหตุ ลักษณะเป็นฝายน้ำล้นระดับน้ำลึกประมาณ 3-4 เมตร มีขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ความยาวประมาณ 500 เมตร
ต่อมาจึงได้สอบถามข้อมูลจากผู้เห็นเหตุการณ์ คือ นางพรรษา อายุ32 ปี ซึ่งเป็นภรรยา เล่าว่า ตนเองและสามีได้พากันมาที่ฝายน้ำดังกล่าว เพื่อลงงมหอยไปทำกับข้าวมื้อค่ำ ขณะนั้นตนเองนั่งรออยู่บนฝั่ง สามีของตน ซึ่งลงไปงมหอยในฝายน้ำล้น ตนได้มองไปเห็นสามีกำลังจะว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่ง อยู่ ๆ เกิดหมดแรงขณะว่ายน้ำ ตนเองได้ยินเสียงสามีตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จึงได้วิ่งไปหาไม้ยาว เพื่อนำมาช่วยเหลือสามี แต่ไม่ทันการ ตนเองมองไปเห็นสามีกำลังจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา ตนรู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูก
โดยต่อมาจึงได้ตั้งสติและรีบขี่รถจยย. เพื่อไปตามพี่ชายของผู้สูญหายให้มาช่วยลงงมร่าง แต่หาไม่เจอ เนื่องจากน้ำลึกมาก ในเวลาต่อมา จึงได้โทรประสานไปยังทางทีมปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ จากอาสาหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อำเภอปราสาท ให้เร่งนำอุปกรณ์ชุดประดาน้ำทำการลงค้นหาใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที จึงสามารถค้นหาร่างของผู้สูญหายใต้น้ำขึ้นมาได้สำเร็จ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติพี่น้องและประชาชนที่มารอดูปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายสรณกร อายุ 50 ปี ปชาวบ้าน
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทาง ร.ต.ท.สันติ มณีโรจน์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมแพทย์เวรนิติเวช และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท ร่วมตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นจึงได้ตรวจสอบอัตลักษณ์ และ บันทึกข้อมูลเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อย
ส่วนทางญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตใด ๆ จึงทำการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตส่งมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป