แม่โทรแจ้ง ตำรวจ 191 กล่าวหาว่าพ่อแท้ๆ พยายามจะข่มขืนลูกสาว ขณะที่พ่อยังปากแข็ง อ้างอดีตเมียกุเรื่อง เพราะต้องการลูก ไปรับใช้สามีใหม่
ช่วงบ่ายของวันที่ 14 เมษายน 2568 เวลา 16.30 น. วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิง แจ้งว่าเป็นแม่ของลูกสาว แจ้งว่า พ่อแท้ๆ พยายามในการที่จะข่มขืนลูกสาวของตน แต่ได้ยินเสียงยาย เดินมาที่บ้านมาร้องเรียกหลาน จึงปีนหนีกลับออกไปจากห้องของลูกสาว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 ช่วงเช้า โดยก่อนไปได้สั่งลูกสาวตนเองว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร เพราะเขาจะแจ้งตำรวจมาจับพ่อเข้าคุก แต่ลูกสาวไม่เชื่อ ได้ส่งข้อความไปบอกแม่ ในวันที่ 13 เมษายน 2568 ในช่วงเย็น ทำให้แม่ร้อนใจมาก รีบเดินทางกลับมาบ้านในเช้าของวันนี้ 14 เมษายน 2568 พอมาถึงบ้านในบ่ายของวันนี้ ได้โทรแจ้งตำรวจ ทางหมายเลข 191 เพราะตนมาไม่พบลูกสาว ทราบว่า พ่อมาพาตัวไป โดย 191 ได้แจ้งมายัง สภ.อุทุมพรพิสัย พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับ สภ.อุทุมพรพิสัย พร้อมชุดสืบ และสายตรวจรถยนต์ ได้นำกำลังออกไปที่บ้านที่ได้รับแจ้ง
โดยเมื่อเดินทางไปถึง พบกับ นางสาว สายใจ อายุ 27 ปี ผู้ที่โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างตัวเป็นแม่ของ เด็กหญิง อายุ 13 ปี โดยขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้าน พ่อ คือ นายวรุต อายุ 34 ปี ยังอยู่ระหว่างพาลูกสาวหนีไปจากบ้านพักที่เป็นบ้านของแม่ยาย เจ้าหน้าที่ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนบ้านตามหา สุดท้ายหาเจอตัว ได้นำตัวมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้ง 3 คน มามอบให้ร้อยเวรสอบถามเบื้องต้น ก่อนมอบให้แม่ พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.อุทุมพรพิสัย เพื่อตรวจหาร่อยรอยการทำร้าย ตามที่ได้แจ้งความมาดังกล่าว
จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า เช้าของวันที่ 13 เมษายน 2568 พ่อได้ปีนข้ามห้อง เพื่อเข้ามายังห้องลูกสาว ก่อนที่จะใช้มือปิดปาก ห้ามร้อง ห้ามส่งเสียง ก่อนที่จะถอนกางเกงของลูกสาวลง แต่ไม่ได้ถอนเสื้อ และถอนกางเกงของตนเองลง ขณะนั้นได้ยินเสียงคุณยาย ซึ่งเป็นแม่ของภรรยา มาร้องเรียกลูกหลาน ซึ่งก็คือหลานยาย อยู่หน้าบ้าน พ่อจึงรีบปล่อยลูกสาว ก่อนที่จะปีนข้ามกำแพงห้องนอนของลูกสาวออกไป และก่อนไปยังบอกลูกสาว ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร เพราะเขาจะเอาตำรวจมาจับพ่อเข้าคุก แต่ลูกสาวไม่สน ส่งข้อความไปบอกแม่ที่ทำงานที่กรุงเทพ ขอให้แม่ กลับมาบ้าน มาช่วยลูกด้วย ซึ่งแม่ ได้รีบเดินทางกลับมาเมื่อเช้า ถึงบ้านเย็นวันนี้ ก็ได้โทรแจ้งตำรวจทันที
ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอก นิลกาฬ ได้สอบถามเบื้องต้น ต่อนายวรุต ผู้เป็นพ่อ ยืนยันว่า ตนรักลูกสาวมาก ซึ่งตนมีลูกสาว 2 คน คนที่แม่แจ้งความ ถูกทำร้าย คือลูกสาวคนโต โดยตนสาบานได้ทุกทีว่า ตนไม่ได้ทำร้ายลูกสาวตน ที่ผ่านมาตนก็จะขู่ และตีลูกบ้าง ขณะที่ลูกสาวไปเที่ยวกลับมาบ้านดึกๆ แต่ตนก็ไม่เคยที่จะคิดทำอะไรเช่นนั้นต่อลูกสาวตน แต่ตนเชื่อว่า แม่ ซึ่งเป็นเมียตน เขาหาเรื่องใส่ความ เพราะต้องการอยากได้ลูกสาวไปอยู่กับสามีใหม่ ขณะที่ยังไม่ได้เลิกกับตน ซึ่งเขาไปทำงานที่กรุงเทพ 2 ปีแล้ว ไม่ยอมกลับมาบ้าน ตนต้องเลี้ยงดูแลลูกตน จากอาชีพรับจ้างทั่วไป พักอาศัยอยู่บ้านแม่ยาย เพราะตนเป็นคนมาจากจังหวัดนครพนม มาอยู่ที่ 20 ปีแล้ว กับภรรยาคนนี้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกปากคำไว้เป็นเบื้องต้น เพื่อรอผลการตรวจของแพทย์ ของ รพ.อุทุมพรพิสัย ของลูกสาว ก่อนที่จะได้เชิญตัวมอบให้สหวิชาชีพทำการสอบสวนลูกสาว และคุณแม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป