พี่ชายสุดทน น้องชายทาสยา ถือมีดอาละวาดไถเงินพ่อชราไปซื้อยาบ้าและเหล้าขาว หลังเสพยาก็คลั่งถือมีด จำทำร้ายพ่อ ก่อนพี่ชายใช้ไม้ทุบหัวดับคาบ้าน
เมื่อเวลา 18.15 น. วันที่ 14 เมษายน 2568 ร.ต.อ.ศราวุธ ชมภูธร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ ได้รับแจ้งเหตุพี่ชายฆ่าน้องชาย ที่เกิดที่บ้านศรีบุญเรือง ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงนำกำลัง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร โรงพยาบาลเพ็ญ อาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม จุดบริการ อ.เพ็ญ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบชาวบ้านจำนวนมากมายืนมุงดูศพนายเตี้ย อายุ 44 ปี นอนหงายจมกองเลือดอยู่หลังบ้าน ห่างจากครัวประมาณ 8 เมตร สภาพศพสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีนขายาว บริเวณเกิดเหตุ พบปลอกมีดแหลมตกอยู่ใกล้มือขวา และใบมีดแหลมยาวประมาณ 1 ฟุตตกอยู่ข้างต้นกล้วย มีท่อนไม้ยูคายาวประมาณ 1 เมตรวางอยู่ข้างโอ่งน้ำ ตรวจสอบที่เกิดเหตุมีร่องรอยการต่อสู้ จากการชันสูตรพบบาดแผลแตกบริเวณเหนือใบหูขวา ยาวประมาณ 5 ซม.และหัวปูดบวมเนื่องจากถูกของแข็ง
ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพี่ชายผู้ตายชื่อนายหยัด อายุ 46 ปี ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ โดยให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้ท่อนไม้ทุบหัวน้องชายจนเสียชีวิตจริง เพราะน้องชายถือมีดอาละวาดจะทำร้ายพ่อ เกรงว่าพ่อจะได้รับอันตราย จึงเข้าไปห้ามแต่น้องไม่หยุด จึงใช้ท่อนไม้ทุบหัวน้องจนตาย ตำรวจจึงควบคุมตัวนายหยัด ไปที่โรงพัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากญาติและชาวบ้าน ทราบเรื่อง ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุหลายสิบคน กลัวว่าจะมีเหตุวุ่นวาย
นายหนูจร อายุ 68 ปี พ่อผู้ตาย และผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนมีลูกชาย 2 คน ต่างก็เคยแต่งงานมีครอบครัว แต่ทั้งสองคนหย่าร้าง และกลับมาอยู่กับพ่อแม่เหมือนเดิม นายเตี้ย ผู้ตายเป็นลูกคนเล็ก ชอบมาบังคับขอเงินพ่อกับแม่ไปซื้อเสพยาบ้าและดื่มเหล้า ไม่ช่วยทำงาน จะมาขอเงินไปซื้อยาบ้าและเหล้า ถ้าไม่ให้ก็จะอาละวาด ถือมีดตลอด ถ้าไม่ให้ก็จะทุบบ้าน ทุบสิ่งของเครื่องใช้
ก่อนเกิดเหตุ วันนี้มาขอเงินตน 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ไป 40 บาท เอาไปซื้อเหล้าขาว ครั้งที่สองให้ไปอีก 40 บาท เอาไปซื้อยาบ้ามาเสพ ขณะตนนั่งอยู่หน้าบ้าน ผู้ตายถือมีดมาอาละวาดตน ทุกครั้งที่ลูกอาละวาดก็จะต้องหนีไปนอนบ้านญาติ แต่ครั้งนี้ลูกชายคนโตเข้ามาห้าม และได้ยินเสียงทะเลาะและทำร้ายกันอยู่หลังบ้าน ไม่คิดว่าจะถึงขั้นเสียชีวิต “ในความรู้สึกของคนเป็นพ่อ ก็รู้สึกเสียใจ ที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมา เพราะรักลูกทั้งสองคน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรมันเกิดขึ้นแล้ว”
ส่วนนางหนูทัด อายุ 63 ปี แม่ผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เล่าว่า วันนี้ตนไปงานศพญาติที่ อ.หนองหาน กลับมาบ้านก็เข้าครัวหุงข้าว ทำกับข้าว ได้ยินเสียงลูกคนเล็กโวยวายอาละวาด แต่ตนไม่สนใจ เพราะลูกอาละวาดประจำ เพราะเสพยาบ้ามานานแล้ว แต่ไม่เห็นตอนลูกทำร้ายกัน พอลูกฆ่ากันตนก็รู้สึกเสียใจ
นายคำวัง ขาวขำ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านศรีบุญเรือง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนนั่งอยู่หน้าบ้าน มีชาวบ้านวิ่งไปบอกว่าพี่กับน้องทะเลาะทำร้ายร่างกายกันจนตาย พอตนมาถึงก็พบน้องเป็นศพแล้ว จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ก็บอกว่าทนไม่ได้แล้ว เพราะมันทำให้ครอบครัววุ่นวาย รบกวนครอบครัว พ่อกับแม่หาเงินให้ผู้ตายใช้ไม่ไหวแล้ว เพราะว่าผู้ตายเสพยาบ้าทุกวัน ไม่ยอมทำงาน รอขอเงินจากพ่อไปซื้อ ถ้าไม่ให้ก็จะขโมยทรัพย์สินในบ้านไปขาย ชอบเดินถือมีดแกว่งไปมาในหมู่บ้านทุกวัน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว หวาดระแวง ตนเคยพาผู้ตายเข้าไปบำบัด ออกมาก็เลิกเสพไป 10 ปี แต่ก็หวนกลับมาเสพยาบ้าอีก และหนักกว่าเดิม ส่วนพี่ชายเป็นคนนิสัยดี คงจะทนพฤติกรรมน้องไม่ไหว จึงได้ลงมือฆ่าน้อง
ร.ต.อ.ศราวุธ ชมภูธร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุ เพราะหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนี ได้ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ ซึ่งจะต้องสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้ละเอียด เนื่องจากมีการต่อสู้กันด้วยการใช้อาวุธ จะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย อีกทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุเป็นพี่น้องกัน และต้องสอบสวนพ่อกับแม่ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และอยู่ในที่เกิดเหตุให้ละเอียด ก่อนแจ้งข้อหาอีกครั้ง