ตร. ดอดยื่นร้องศาลขอปล่อยตัว “แพะ”คดีพยายามฆ่า พ้นจากประตูเรือนจำกอดแม่-กราบเท้าลุง น้ำตาคลอ เผยแค้นใจขอฟ้องกลับตำรวจยัดข้อหา ติดคุกฟรี 6 วัน กลายเป็นคนมีประวัติอาชญากร
ความคืบหน้ากรณีเหตุจับแพะ ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ยื่นขอหมายจับนายภูริส หรือเดียว อายุ 23 ปี เป็นผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีและใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ ซึ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 แล้วคุมตัวไปฝากขังที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช จนถึงวันนี้ (16เม.ย.68) หรือถูกคุมขังมาแล้ว 6 วัน ที่ผ่านมา ครอบครัวของผู้ต้องหาพยายามร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย และร้องขอความเป็นธรรมว่าถูกจับแพะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ไม่รู้จักทั้งผู้บาดเจ็บหรือผู้ก่อเหตุ แต่กลับถูกจับกุมยัดข้อหา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (16 เม.ย.68) มีรายงานว่า หลังจากสืบทราบข้อเท็จจริงในคดีและติดตามรวบรวมหลักฐานจนแน่ชัดว่า ผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ก่อเหตุตัวจริง พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวมทั้งชุดสืบสวนเจ้าของสำนวน รายงานข้อเท็จจริงที่พบในชั้นสืบสวน รวบรวมหลักฐานเข้ายื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขออำนาจศาลปล่อยตัวนายภูริส หรือเดียว ผู้ต้องหาซึ่งตกเป็นแพะในคดีนี้ทันที
หลังจากศาลได้พิจารณาแล้ว ได้อนุมัติหมายปล่อยตัวส่งไปยังทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช เพื่อปล่อยตัว โดยมีครอบครัวของนายภูริส ทั้งแม่ ลุง ภรรยา และกลุ่มเพื่อน มารอรับด้วยความดีใจ
ต่อมาเวลา 13.10 น. นายภูริส ได้รับการปล่อยตัวออกจากประตูเรือนจำ เห็นได้ชัดว่านายภูริสมีรูปร่างใหญ่ น้ำหนักถึง 130 กก. สูง 180 ซม. ดูจากลักษณะภายนอก แทบจะเป็นคนละคนกับผู้เก่อเหตุที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากได้รับอิสระ แม่ของนายภูริสา โผเข้ากอดลูกชาย โดยนายภูริสได้ก้มกราบเท้านายบุญเสริม ทองสงค์ ลุงที่คอยประสานงานให้ความช่วยเหลือ และเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม จนนำไปสู่การขื่นคำร้องขอปล่อยตัว
นายภูริส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันที่ 11 เม.ย.68 ขณะถูกจับกุมนั้นอยู่ที่ อ.ขนอม ถูกคุมมาถึง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ถูกสอบสวนสวนและถามเชิงข่มขู่ว่าไปก่อเหตุยิงคนอื่น ตนได้ปฏิเสธไปทั้งหมด ยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้จัก
“ผมเกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุเพียงอย่างเดียว คือ ขับรถผ่านเวลาประมาณ 19.30 น. ไปนอนที่บ้าน จากนั้นออกจากบ้านอีกครั้งในเวลาประมาณ 23.00 น. แต่ตำรวจไม่ฟังอะไร ไม่มีหลักฐาน และไม่หาหลักฐานใด ๆ เอาผมไปพิมพ์มือ แล้วยัดคุกตั้งแต่วันนั้น ผมต้องทนทุกข์ทรมาน เครียดมาก ผมขอฟ้องตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผมต้องติดคุก”
เช่นเดียวกับนายบุญเสริม ทองสงค์ ลุงของผู้ต้องหา ระบุว่า ยืนยันในพยานหลักฐานมาตั้งแต่ต้น แต่ตำรวจไม่ฟัง ทำให้หลานถูกจับและถูกขังอยู่ถึง 6 วัน ความเดือดร้อนมีทั้งทั้งครอบครัว ต้องดิ้นรนหาทางช่วยเหลือเหลือ เสียเงินเสียทอง ที่สำคัญไม่ได้เป็นทำงาน เขาต้องเสียโอกาส ไปทำงานอะไรก็ไม่ได้เพราะเขามีประวัติอาชญากร ทั้งที่ไม่ได้ก่อเหตุใด ๆ เลย ส่วนตัวหยุดงานมาทั้งสัปดาห์ เพื่อวิ่งเต้นช่วยหลาน ตำรวจคนไหนจะรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามประสานงานกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ของกลุ่มตำรวจที่ทำรายงานการสืบสวนคดีนี้ แต่ยังไม่มีใครสะดวกที่จะให้ข้อมูล