“ภูมิธรรม” ขอแยกแยะ ปมคดี “ลูกชาย นายกฯ เบี้ยว“ แจง “ทักษิณ” ร่วมงาน ตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะ ยันเป็นไปตามกระบวนการ เหตุมีความผิดต่อหน้าธารกำนัล
(18 เม.ย.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกฯเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่า ไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่ และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วิดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่า ไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ฝ่ายค้านพยายามจี้เรื่องนี้เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปร่วมงานบวชนายสมิทธิพัฒน์
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้ไปงานลูกชายนายกฯ เบี้ยวเพียงอย่างเดียว เวลาสมาชิก หรือใครก็ตามขอให้ไปก็ไป และนายกฯ เบี้ยว ก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลูกชายคนโตก็เป็น สส.พรรคเพื่อไทย ในเมื่อสส.จะบวชน้องชายก็เชิญนายทักษิณ ในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นการร้องขอให้ไปร่วมงานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นในทุกจุดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือญาติมีการแต่งงาน มีงานศพ หรืองานบวชก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปมองเรื่องความสัมพันธ์พิเศษ เพราะทุกพรรคก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตนอยากให้แยกจากกันอย่าไปจับแพะชนแกะ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าได้เห็นบางรายการเล่าภาพนี้ออกมา และสื่อว่ามีความสัมพันธ์พิเศษจนทำให้เกิดความกังวลใจ ตนคิดว่า มีสิทธิกังวลได้ แต่ก็ต้องเชื่อมั่นไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ และได้พูดชัดเจนแล้ว ที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่ต้องเกรงใจว่าเป็น สมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับเรา ทั้งนี้ส่วนตัวไม่มั่นใจว่า นายสมิทธิพัฒน์เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ แต่พ่อกับพี่ชายเป็นสมาชิกพรรค
ขณะที่ในแง่ของสังคมมีความเป็นห่วงใน การดำเนินคดีเพราะมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผู้มีอิทธิพลสร้างเหตุการณ์ที่มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ไม่ต้องกังวล เพราะไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้ว่าไปตามกระบวนการ จะไปบิดไปเบี้ยวก็อยู่ในสายตาของประชาชน พรรคการเมืองคงไม่ทำอย่างนั้น
