“ผบ.ต่าย” ยอมรับ รู้จัก “นายกเบี้ยว” จริง แต่ไม่ใช่ญาติ ส่วนที่ “พีช” เรียกว่า “อาต่าย” เพื่อโอ้อวด ฟังแล้วไม่รื่นหู ยืนยันไม่ทำให้ตำรวจหวั่นไหว ย้ำ สอนลูกไม่ให้เป็นขยะสังคม ส่วนคนดีจะเรียกว่าอาหรือน้าก็ไม่ติด
วันนี้ ( 18 เม.ย.68 ) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ถึงคลิปเหตุการณ์รถยนต์ BMW ป้ายแดง ขับปาดหน้ารถกระบะ ก่อนที่รถกระบะจะเสียหลักพุ่งชนขอบทางมอเตอร์เวย์ ทำให้คนขับรถกระบะซึ่งเป็นชายสูงอายุได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งภรรยาที่นั่งมาด้วย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ต่อมาพบว่าญาติของคนขับรถ BMW ได้มีการพูดในลักษณะอ้างถึงความสัมพันธ์ฉันญาติกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยระบุ และเรียกว่า “อาต่าย” พร้อมโชว์หลักฐานเป็นรูปภาพที่ถ่ายร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งยังมีรายงานว่าบุคคลดังกล่าว เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) และยังมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ของพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมของผู้ขับรถ BMW
ผบ.ต.ร กล่าวว่า ได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในสังคม ได้เน้นย้ำไปยังตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.ลำลูกกา ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผบ.ตร. ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้จักกับ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี พ่อของ นายพีช ผู้ขับรถ BMW และด้วยความที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงทำให้มีคนอยากทำความรู้จัก และถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งรูปที่ปรากฏในข่าวยอมรับว่าได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยศพลตำรวจโท รวมถึงที่ผ่านมาเมื่อพบใคร ก็มักถูกเรียกนับญาติว่าอาต่ายเป็นปกติ ตามประสาคนรู้จักกัน และด้วยนโยบายของตนเองที่สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ วางตัวเป็นมิตรกับประชาชนดุจญาติ ซึ่งการเรียกว่าเป็นน้า เป็นอา เป็นเรื่องที่ตนเองก็พึงพอใจ ดีกว่าใช้สรรพนามเรียกว่าท่าน จึงขอให้สังคมแยกแยะเรื่องของการรู้จักกัน กับเรื่องการที่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นกรณีของบุคคลคนหนึ่งที่ขาดจิตสำนึกและวุฒิภาวะ ขาดความเอื้ออาทร และขาดความรับผิดชอบต่อผู้อื่น พร้อมตั้งคำถามว่าหากรถคันนั้นมีเด็กอยู่ด้วยจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจะต้องมีสติ รวมถึงเมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็ไปอ้างไปโอ้อวดกับเจ้าหน้าที่ นั่นคือนิสัยที่พยายามสร้างให้ตัวเองดูดี โอ้อวดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ารู้จักผู้มีตำแหน่ง พร้อมกล่าวว่ายิ่งโอ้อวดยิ่งจะโดนโทษหนักมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจทางหลวง ดำเนินคดีในเรื่องอุบัติเหตุ แต่ในเรื่องของคดีอาญา อยู่ระหว่างการที่ผู้เสียหาย จะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.ลำลูกกา โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการโดยเร็วและไม่ให้ความช่วยเหลือกับบุคคลใดทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับบทเรียนและโทษทัณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า คดีนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่อย่างไรนั้น ตนเองไม่ทราบ หรือ นายพีช จะไปลงสมัครตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งใด ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ย้ำว่า ประชาชนก็จะต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกผู้แทนของตน ส่วนประชาชนจะเลือกหรือเปล่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้ และจากการกระทำของผู้ก่อเหตุ ตนเองไม่มีญาติ เมื่อมีคนเช่นนี้มาเรียกตนว่าเป็นอาต่าย ก็ฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหู พร้อมย้ำว่าตนเองมีลูกคนเดียว และสั่งสอนว่าอย่ากระทำผิด ให้ประพฤติในสิ่งที่ดี อย่าทำตัวเป็นขยะสังคม แต่ถ้าทำอะไรผิดขึ้นมา แม้จะเป็นลูกของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะไม่มีการช่วยเหลือ ต้องรับโทษตามกฎหมาย
และหากคนทั่วไปที่มีความประพฤติดี อยากจะเรียกตนเองว่าน้าหรืออาต่ายก็ยินดี แต่ไม่ใช่การทำพฤติกรรมเช่นนี้แล้วมาเรียกนับญาติตนว่าเป็นน้าหรือเป็นอา โดยยืนยันว่า ได้กำชับตำรวจอย่างชัดเจน ว่าไม่ต้องหวั่นไหว ในการดำเนินคดีนี้อย่างแน่นอน