“ชัชชาติ” ควง ปลัด กทม.” รายงานความคืบหน้ารื้อซากตึก สตง.นายกฯ เผยพนังปล่องลิฟท์พังไม่เหลือสภาพ เชื่อยากต่อการวัดค่ามาตรฐานวัสดุ แนะเจ้าหน้าที่เข้าเก็บหลักฐานอยู่ดูหน้างานไปพร้อมกับการรื้อซากอาคาร ตั้งเป้าปลายเดือนนี้ รื้อซากได้มาก
วันนี้ (18 เม.ย.68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร เข้าหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
นายชัชชาติ ได้เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้มารายงานการให้ความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ให้ความร่วมมือในการรื้อซากอาคาร สตง. เป็นอย่างดี ไม่ได้ติดขัดในด้านใด และทางกรุงเทพพร้อมที่ให้ความร่วมมือในการเก็บหลักฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วง และติดตามอยู่ตลอด
ยืนยันได้ว่า กทม.ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจอยู่ตลอด ซึ่งอาจจะเป็นช่วงสัปดาห์แรกที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยคนที่มีชีวิตติดอยู่ด้านใน อาจจะเป็นเรื่องการสื่อสาร ตอนนี้มีหน่วยงานทั้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน, กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งในการสอบสวน และดีเอสไอเข้ามาประสานงานร่วมกันได้ดี
ส่วนการเข้าเก็บหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสามารถประสานเจ้าหน้าที่หน้างานได้ทันที ซึ่งผู้อำนวยการเขตอยู่หน้างาน พร้อมรับการประสานได้ทันที โดยอยากให้ไปดูหน้างาน เศษซากวัสดุไม่สามารถแยกได้ออกว่า ชิ้นใดเป็นส่วนไหน ตนขอแนะนำเจ้าหน้าที่ที่จะเก็บหลักฐาน ให้มาดูที่หน้างาน หรือดูจากโดรนถ่ายภาพมาเพื่อเก็บหลักฐานในตอนนั้น เพราะการรื้อซากอาคารยังค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง หากดูหน้างานพร้อมกันจะได้เก็บหลักฐานจุดที่ต้องการได้ทันที
ส่วนผนังปล่องลิฟท์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการเก็บหลักฐาน นายชัชชาติ ระบุว่า จุดนี้ทาง กทม.ตามหามานาน ซึ่งพบแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นจุด st1 และ st2 ซึ่งเป็นจุดปล่องลิฟท์ทั้งซ้าย และขวา ทาง กทม.มั่นใจว่า เป็นปล่องลิฟท์ เพราะพบป้ายบอกชั้น 18 ซึ่งป้ายได้ติดไว้ที่ปล่องลิฟท์ข้างบันไดหนีไฟ ขณะเดียวกันพบร่างผู้เสียชีวิตทางซ้าย 3 ร่าง และทางขวา 4-5 ร่างด้วย ทำให้รู้ว่า กลุ่มผู้สูญหายส่วนใหญ่จะอยู่จุดบริเวณทางหนีจากชั้นบนสู่ชั้นล่าง
ส่วนสภาพปล่องลิฟท์ที่พบนั้น ไม่คงสภาพ พังหมด ที่สามารถรู้ได้จากราวจับบันได มีป้าย ไม่คงเหลือสภาพเป็นกำแพง หรือปล่องลิฟท์แต่อย่างใด แต่มั่นใจจากตำแหน่ง และอุปกรณ์ประกอบ
ส่วนซากอาคารที่พบนั้นจะมีความยากง่ายในการนำไปทดสอบวัดค่ามาตรฐานของวัสดุหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า หากดูจากหน้างาน วัสดุได้เสื่อมสภาพไปแล้ว และที่สำคัญไม่รู้ว่าวัสดุมาจากชิ้นส่วนใด ทำให้เกิดความลำบากในการพิสูจน์ แต่การเก็บหลักฐานไว้ก่อนดีแล้ว ส่วนจะใช้หรือไม่ขึ้นอยู่ตามการพิจารณา
ส่วนการเก็บหลักฐานปล่องลิฟท์นั้น มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และกรมโยธาธิการและผังเมืองที่มาเก็บตัวอย่างซากอาคารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนได้แนะนำการเก็บ 2 วิธีคือ การเก็บแบบคอลลิ่งคอนกรีตที่ไซต์งาน หรือ หากให้ กทม.แยกชิ้นส่วนใหญ่ ก็สามารถไปรับจุดที่เก็บซากอาคารใกล้สถานีรถไฟบางซื่อ
ส่วนสิ้นเดือนนี้จะสามารถกู้ซากอาคารได้ทันหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี ทุกคนมีความพยายาม และท้าทายตนเองตลอดว่า จะต้องนำทุกคนกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องหยุด เช่น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ก็ต้องหยุดการทำงานของเครื่องจักรหนักไปถึง 5 ชั่วโมง หากรื้อซากอย่างเดียว ไม่กี่วันก็เสร็จ แต่หากรื้อด้วย และค้นหาผู้ที่ติดค้างอยู่ด้วย อาจจะมีปัญหาเรื่องเวลา แต่เชื่อว่า เป้าหมายในปลายเดือนนี้ต้องเห็นความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก