ปากพาซวย แม่ค้าชาว สปป.ลาว ของขึ้นไลฟ์ด่าคนไทย ขอทาน ตม.ตามสืบจนรู้ บุกรวบแจ้งข้อหาทำงานนอกเหนือสิทธิ์ เจ้าตัวรับผิด น็อตหลุดถูกคนไทยด่าคำแรงก่อน “คนลาวตาขาว”
จากกรณีมีผู้อ้างเป็นคน สปป.ลาว โพสต์คลิปด่าคนไทย ทำนองว่า “ตัวเองเปิดกิจการอยู่หน้าโรงพยาบาล ไม่เคยขอทานกิน แต่ประเทศไทยตาไม่ขาว แต่ขอทานกิน” หลังคลิปเผยแพร่ออกไป มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผู้โพสต์คลิปอย่างมากมาย ก่อนที่เจ้าตัวจะลบคลิปดังกล่าวออกไป และโพสต์คลิปขอโทษแทน
ล่าสุด วันนี้ (18 เม.ย.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดกำแพงเพชร และ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.6 สืบหาเบาะแสตามที่กล่าวอ้างว่าเปิดกิจการอยู่หน้าโรงพยาบาลกำแพงเพชร หลังจากไปตรวจสอบไม่พบตัว จึงได้สืบหาข่าวจนทราบว่า แม่ค้าสาวชาว สปป.ลาวคนดังกล่าวลักลอบเปิดร้านขายไส้กรอกอีสาน โดยตั้งร้านบริเวณปากทางเข้าโรงพยาบาล จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้พบนางสุข หรือนุช อายุ 38 ปี
เมื่อสอบถามนางสุข ยอมรับว่า บุคคนในคลิปที่เผยแพร่ออกไปเป็นตนจริง โดยตนเกิดที่ สปป.ลาว มาอยู่ประเทศไทยตั้งแต่อายุ 15 ปี และมีสามีเป็นคนไทย ขออนุญาตทำงานที่จังหวัดศีรษะเกษ ในตำแหน่งกรรมกร จากนั้นตนและสามีเดินทางมาทำงานที่จังหวัดกำแพงเพชร สามีทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนตนเปิดร้านขายไส้กรอกอีสาน เพื่อหารายได้เสริม เนื่องจากตนมีลูกด้วยกันกับสามี
ทั้งนี้ ในส่วนของคลิปวีดีโอที่มีการโพสต์ออกไป นางสุข เล่าว่า ตนกำลังดูไลฟ์สด TikTok ของพี่ที่เป็นคนชาติเดียวกัน ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มของคน สปป.ลาว แต่จู่ ๆ ก็มีคนไทยคนหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า คน สปป.ลาวตาขาว ซึ่งคำว่าตาขาวสำหรับประเทศ สปป.ลาวเป็นคำที่แรงมาก ตนจึงของขึ้นไลฟ์ทันที โดยยอมรับว่าตนพูดแรงจริงเรื่องคำว่าคนไทยขอทาน จริง ๆ แล้วเจตนาจะบอกว่าประเทศไทยยังมีขอทานอยู่เลย มาพูดว่าคน สปป.ลาวตาขาว ประเทศไทยยังมีขอทานอยู่เลย พี่พูดแบบนี้กลับไปดูประเทศพี่ก่อนไหม แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ผิด และได้ขอโทษที่พูดไปยอมรับว่าผิด ประเทศไทยดีกับตนมาก แต่ที่พูดออกไปเพราะตนหลุดไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเชิญตัวนางสุขมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกำแพงเพชร โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ ตามมาตรา 8 มีโทษตามมาตรา 101 แห่งพระราชกำหนดการวริหารการจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพรานกระต่ายดำเนินคดีต่อไป