สนามข่าว 7 สี - หญิงชาวจังหวัดนครปฐม ออกมาร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จ่ายยาให้กินแล้ว แพ้ยารุนแรงถึงขั้นดวงตาบอด ไร้การเยียวยา
นางบุญทรง ปุยะพันธ์ อายุ 48 ปี เล่าว่า เรื่องเกิดตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2567 เริ่มจากเป็นไข้ ปวดหัว ก็เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล พื้นที่จังหวัดนครปฐม ผลตรวจสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) พบมีเนื้องอก แต่ไม่อันตรายร้ายแรง หลังจากนอนดูอาการ 1 คืน แพทย์ได้ให้ยากันชักมากินที่บ้านวันละ 3 เม็ด
หลังกินยาได้ 10 วัน ก็มีอาการแพ้ยารุนแรง ช็อกหมดสติ นอนรักษาในห้องไอซียู เป็นเดือน พอฟื้นขึ้นมาก็ช็อกซ้ำ เพราะผลข้างเคียงจากฤทธิ์ยา ทำให้ผมร่วง ผิวหนังพุพอง เล็บเน่า ฟันหลุด และหนักสุดดวงตา 2 ข้าง บอดสนิท
พี่ชายของนางบุญทรง เล่าว่า หลังน้องสาวกลายสภาพเป็นคนพิการ ก็เข้าเจรจากับโรงพยาบาล ถึงรู้ว่ายากันชักที่แพทย์ให้น้องสาวไปกินที่บ้าน ความจริงต้องให้กินหลังคนไข้รับการผ่าตัดแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมแพทย์ถึงสั่งให้น้องสาวกิน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีแผนผ่าตัดสมองอะไรเลย
ที่ผ่านมา โรงพยาบาลรับผิดชอบแค่ให้เธอรักษาฟรี ทั้งที่เธอมีสิทธิบัตรทอง 30 บาท แต่ทุกเดือน นางบุญทรง ต้องเทียวไปโรงพยาบาล พบแพทย์ 3-4 ครั้ง เดินทางจากบ้านไปกลับกว่า 100 กิโลเมตร ทั้งค่าน้ำมัน ค่ากิน ทำให้ทุกวันนี้ลำบากมาก
กระทั่งช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ครอบครัวพาเธอไปยื่นขอเยียวยาเป็นเงินจากโรงพยาบาล แต่ได้รับคำตอบว่า ไม่มีเงินเยียวยา จึงร้องขอความช่วยเหลือกับ สปสช. ก็ได้เงินมา 260,000 บาท แต่นำมาคำนวณกว่าเธอจะอายุ 60 ปี ไม่พอจุนเจือชีวิตยามบั้นปลายอย่างแน่ ๆ จึงออกมาร้องผ่านสื่อฯ อยากให้โรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้หน่อยได้ไหม