ป้าวัย 59 ปี ยัน ไม่ได้บังคับสามีให้กินเจ จนเสียชีวิต ถือเป็นรากบุญที่ทำกันมา แต่พี่สาวให้ข่าวใส่ร้าย ยืนยันจะนับถือสถานธรรม ตลอดไปจนกว่าจะตาย
วันที่ 24 เม.ย.68 กรณีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อบต. และมูลนิธิอาณัติพล ซารัมย์(ลูกเติ้ง)เข้าไปเยี่ยมบ้านนางบุญเรียน อายุ 59 ปี ที่บ้านไทยสามัคคี ต.ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อต้องการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากมีคนเอาภาพบ้านที่ทรุดโทรมของนางบุญเรียน ไปโพสต์หลังจากมีคนเอาภาพบ้านที่อยู่ของหญิงคนหนึ่งโพสต์ในลักษณะน่าเวทนา เพราะอยู่กับกระท่อมน้อยไม่มีห้องนอน ไม่มีแม้หนอนจะหนุนนอน จนชาวเน็ตต่างออกมาตำหนิผู้นำท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่นางบุเรียน เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่บ้าน
พบเพียงนางเหรียญ อายุ 64 ปี ชาวบ้านไทยสามัคคี พี่สาวนางบุญเรียน แต่กลับให้ข้อมูลไปคนละทาง ระบุว่าน้องสาวได้รับเงินช่วยเหลือจากลูกชายกับลูกสาวทุกเดือน แต่เอาเงินไปช่วยสถานธรรมแห่งหนึ่งที่ อ.ลำปลายมาศ โดยไม่สนใจจะดูแลบ้านของตัวเอง จนกระทั่งมีการยกเลิกการช่วยเหลือดังกล่าว
ความคืบหน้าล่าสุด นายบุญเรียน เจ้าของบ้านได้ออกมาระบุ ถึงกรณีดังกล่าวว่า สถานธรรมที่ตนไปนับถือเป็นสถานธรรมที่ต้องการให้โลกเกิดความสันติสุข สอนให้คนเป็นคนดี ไม่ได้สร้างภาพพจน์ หรือหลอกลวงอะไร พอทราบข่าวว่าพี่สาวเป็นคนพูดออกมารู้สึกเสียใจมาก เรื่องการบังคับสามีให้กินเจก็ไม่เป็นความจริง พี่สาวใส่ร้ายป้ายสี ทั้งที่ช่วยเหลือพี่มาโดยตลอด แม้ตอนสามีตัวเองตายพี่สาวก็พยายามให้ตนเคลียร์บ้านให้สะอาด
นางบุญเรียน เล่าด้วยว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา ตนเข้าไปสมัครเป็นลูกศิษย์ที่สถานธรรม จนกระทั่งศึกษาเรื่องกินเจถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ไปเบียดเบียนชีวิตคนอื่น เราถือศีล 5 กินเจ ไม่เคยไปบังคับสามีถือเป็นรากบุญที่ทำกันมา
ส่วนการที่จะเอาเงินไปบริจาคนั้นเป็นเพราะคนมาอิจฉาริษยา ยอมรับตนเอาเงินช่วยสถานธรรมจริง แต่ตามกำลังมีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก สถานที่ตนจะไปมีสองที่คือที่ อ.ลำปลายมาศ และ อ.หนองหงส์ หรือไปที่ไหนก็ได้เพราะสถานธรรมแห่งนี้มีทั่วโลก ทั่วประเทศไทย แต่จะมาต่อต้านตนคนเดียวตนไม่สนใจเพราะตนทำหน้าที่ กรณีสามีเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวหลายโรคไม่ใช่เป็นเพราะกินเจ ยอมรับว่าตอนสามีเสียชีวิต ตนห้ามไม่ให้พี่น้องเอาเนื้อสัตว์มาเลี้ยงภายในงาน มีความเห็นไม่ตรงกัน จึงเอาศพสามีไปทำที่วัดใน อ.ลำปลายมาศ