คนไข้ไม่มีประวัติแพ้ยา รพ. ชี้แจงพบภาวะชัก จากโรคเนื้องอกในสมอง หมอจึงให้ยากันชัก แพ้ยารุนแรงเป็นเหตุสุดวิสัย มีโอกาส 1 ในล้าน รพ.ให้การรักษาเต็มที่ จนถึงปัจจุบันยังติดตามดูแลต่อเนื่อง อุทธรณ์เงินเยียวยา สปสช.
เคสหมอให้กินยากันชัก ผู้ป่วยมะเร็งจากปวดหัวเป็นตาบอด วันนี้ (25 เม.ย.68) โรงพยาบาลนครปฐม ออกเอกสารชี้แจงการรักษาผู้ป่วยเนื้องอกในสมองและเกิดภาวะแพ้ยารุนแรง โดยไล่เรียงประวัติการรักษา ดังนี้ วันที่ 10 ส.ค.67 เวลา 23.27 น. ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 47 ปี ถูกส่งตัวมาจาก รพ.กำแพงแสน มาที่ห้องฉุกเฉิน รพ.นครปฐม ด้วยอาการปวดศีรษะ 2 วัน และพูดสับสน โดยผลการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองที่ รพ.กำแพงแสน พบเนื้องอกในสมอง ขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร จึงส่งตัวมารักษาที่ รพ.นครปฐม แพทย์ศัลยกรรมประสาท รพ.นครปฐม วินิจฉัยเนื่องอกในสมอง และรับไว้เป็นผู้ป่วยใน
ผู้ป่วยได้รับการเฝ้าระวังที่หอผู้ป่วยศัลยกรรม โดยยังไม่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด สำหรับอาการพูดสับสนนั้น แพทย์วินิจฉัยว่า เป็นอาการที่พบได้หลัง (Dlant) เพื่อป้องกันอาการชัก โดยผู้ป่วยไม่มีประวัติแพ้ยา หลังจากนอนโรงพยาบาลได้ 2 วัน ผู้ป่วยอาการคงที่ แพทย์จึงให้กลับบ้านในวันที่ 12 ส.ค.67 และนัดมาตรวจตามนัด
วันที่ 27 ส.ค.67 ผู้ป่วยมีอาการใช้ ตาแดง มีผืนตามใบหน้า และลำตัว มาตรวจที่ รพ.นครปฐม แพทย์วินิจฉัยอาการแพ้ยากันชัก (Dlantin) จึงรับผู้ป่วยไว้ไม่โรงพยาบาล โดยให้หยุดยาทันที และให้ยาเพื่อลดอาการแพ้ยา ร่วมกับเฝ้าระวังภาวะแพ้ยารุนแรง 2 วันต่อมา ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ผืนตามตัวเพิ่มขึ้น แพทย์วินิจฉัย ภาวะแพ้ยารุนแรง (Toxic Epidermal Necrolysis. TEN) ซึ่งมีโอกาสได้ประมาณ 1 ในล้าน และมีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 95
แพทย์ให้การช่วยเหลือโดยใส่ท่อช่วยหายใจ และย้ายไปยังห้องผู้ป่วยหนักไอซียู ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ อายุรแพทย์ อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา แพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง และแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง
วันที่ 20 ก.ย.67 อาการโดยรวมของผู้ป่วยดีขึ้น สามารถถอดท่อช่วยหายใจได้ ย้ายออกจากห้องผู้ป่วยหนักไอซียู แต่ยังคงเหลืออาการทางตา ที่เป็นภาวะแทรกช้อนของภาวะแพ้ยารุนแรง จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาวินิจฉัย ภาวะเยื่อบุตาอักเสบรุนแรง จากภาวะการแพ้ยารุนแรง และลุกลามเข้ากระจกตา ส่งผลให้กระจกตาขุ่น ตาแห้ง ระดับการมองเห็นอยู่ในระดับสายตาเลือนราง (low vison) ทั้ง 2 ข้าง สามารถกลับบ้านได้ ในวันที่ 23 ต.ค.67 โดยมีนัดตรวจติดตามกับจักษุแพทย์ด้านกระจกตา และยังได้มีการส่งปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและด้านตกแต่งเสริมสร้าง รพ.ศริราช เพิ่มเติม โดยได้วางแผนผ่าตัดแก้ไขเปลือกตาด้านที่มีการสร้างคีราตินครูดผิวกระจกตา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กระจกตาเป็นแผลมากขึ้น ประมาณช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 68
ทั้งนี้ ภาวะแพ้ยารุนแรง เป็นเหตุสุดวิสัย แต่เมื่อเกิดภาวะแพ้ยารุนแรงขึ้น ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมกันรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ปัจจุบัน รพ.นครปฐม ยังติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลการรักษาภาวะแทรกซ้อนทางตาดีขึ้น โดย รพ.นครปฐมได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วย ดังนี้
1. รับผิดชอบค่ารักษาและค่ายาส่วนเกินที่ไม่สามารถเบิกได้
2. อำนวยความสะดวกจัดรถโรงพยาบาลรับส่ง กรณีผู้ป่วยไปตรวจที่ รพ.ศิริราชทุกครั้ง
3. ดำเนินการขอเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องตันตามมาตรา 41 ไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งได้รับอนุมัติวงเงิน 216,000 บาท ทางโรงพยาบาลได้อุทธรณ์เพื่อให้ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มเพิ่มเงินเยียวยาอีก100,000 บาท แต่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอนุมัติเพิ่ม 24,000 บาท