รัฐหนุนเปิดตลาดส่งออกปลาสวยงามในจีน นำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 3 ปลากัด ฮิตสุด ปลาเสือตอไทย ด้วยลายสีทอง รูปลักษณ์สวยงาม กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะ ในตลาดปลาระดับไฮเอนด์
วันนี้ (27 เม.ย.68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พบว่า อุตสาหกรรมปลาสวยงามของจีน ได้พัฒนาและเติบโตจนกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับหมื่นล้านหยวน หรือ 4.76 หมื่นล้านบาท โดยปลาสวยงามน้ำจืดครองสัดส่วนตลาดสูงสุดถึง 85%
ความต้องการของตลาดชาวจีน นิยมเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็ก และนิยมเลี้ยงปลาสวยงามบนโต๊ะทำงาน โดย 42% ของผู้บริโภค พบว่าเลี้ยงปลาเพื่อบรรเทาความเครียด 16% เลี้ยงปลาสวยงามตกแต่งโต๊ะทำงาน ส่วนการนำเข้าปลาสวยงามของจีน ตามข้อมูลจาก Global Trade Atlas ระบุว่า ในปี 2567 จีนมีมูลค่าการนำเข้าปลาสวยงาม 27,839,317 เหรียญสหรัฐ โดยนำเข้าจากไทยมากเป็นอันดับ 3 ของการนำเข้าปลาสวยงามทั้งหมด รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดปลาสวยงามของไทย
นายอนุกูล กล่าวต่อว่า ปลาไทยที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน คือ ปลากัด เนื่องจากมีสีสันสวยงาม ท่วงท่าการว่ายน้ำที่สง่างาม และลักษณะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยสายพันธุ์ยอดนิยม เช่น ปลากัดจีน ปลากัดฮาฟมูน ปลากัดหางมงกุฎ ปลากัดยักษ์ และยังมีปลาเสือตอไทยที่มีลายเสือสีทองและรูปลักษณ์ที่สง่างาม ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะสำหรับผู้เล่นชั้นนำในตลาดปลาสวยงามระดับไฮเอนด์ ขณะเดียวกันปลาทองหัวสิงห์ไทยคุณภาพสูง ซึ่งกลายมาเป็นดาวรุ่งในตลาดจีน
จากการเติบโตของตลาดปลาสวยงามดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรเร่งพัฒนาการเพาะสายพันธุ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางสายพันธุ์ปลา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดจีน และควรศึกษาเส้นทางการขนส่งใหม่ ๆ เนื่องจากมีระยะเวลาการขนส่งที่นาน เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกปลาสวยงามที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการตายของปลาได้
รัฐบาลพร้อมเดินหน้าส่งเสริมการส่งออกปลาสวยงาม โดยดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ปลาสวยงามของไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ ผ่านการจัดแสดงสินค้าในงานแสดงระดับนานาชาติ การออกบูธในประเทศเป้าหมาย และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความต้องการและยกระดับภาพลักษณ์ปลาสวยงามไทยสู่ตลาดโลก