กรมโยธาฯ และดีเอสไอ  เปิดตู้คอนเทนเนอร์สอบเอกสารคุมงาน  เพื่อดูว่าการก่อสร้างตึกสตง.มีประเด็นใดที่เป็นข้อสงสัย

กรมโยธาฯ และดีเอสไอ เปิดตู้คอนเทนเนอร์สอบเอกสารคุมงาน เพื่อดูว่าการก่อสร้างตึกสตง.มีประเด็นใดที่เป็นข้อสงสัย

View icon 138
วันที่ 28 เม.ย. 2568 | 11.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อธิบดีกรมโยธาฯ เปิดตู้คอนเทนเนอร์สอบเอกสารคุมงาน  มั่นใจภายใน 90 วันได้ข้อสรุปสาเหตุตึก สตง.ถล่มที่แท้จริง ชี้ต้องละเอียดรอบคอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส และพิสูจน์ได้ในทางวิศวกรรมศาสตร์

วันนี้ (28 เม.ย.68) นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผย ถึงการตรวจสอบตึกเพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนหลังครบรอบ 1 เดือนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการสองเรื่องหลัก ได้แก่ การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มหลังจากที่ได้รับมอบหมาย ได้เสนอคำสั่งให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่หลังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม โดยมีองค์ประกอบของคณะทำงานเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ส่วนที่2  5 สถาบันทางการศึกษา และกลุ่มที่ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 4 ข้าราชการของกรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งมีทั้งหมด 22 คนโดยมีวิศวกรใหญ่ของกรมโยธาฯ เป็นประธานซึ่งมีการประชุมหารายการรวมถึงรวบรวมประเด็นที่เกี่ยวข้องขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ สตง.ถล่ม

โดยช่วงแรก คณะกรรมการฯพุ่งเป้าสาเหตุตึกถล่มไปที่การออกแบบ โดยเริ่มสร้างโมเดล 3 มิติในคอมพิวเตอร์ และสวมโมเดลตึก สตง.และจำลองการสั่นแบบแผ่นดินไหว จากนั้นคณะกรรมการจะมาวิเคราะห์ร่วมกัน พร้อมเก็บข้อมูลร่วมกัน โดยในวันนี้ กรมโยธาฯจะร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมงานมาตรวจสอบเพื่อดูว่าการก่อสร้างมีข้อสงสัยอะไรบ้าง และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในหลายปัจจัย ขอเวลา 90 วันจะสามารถนำสาเหตุที่แท้จริงมาแจ้งได้ พร้อมย้ำว่าต้องละเอียดรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โปร่งใส พิสูจน์ได้ในทางวิศวกรรมศาสตร์

สำหรับการออกแบบอาคารตึก สตง.ทางสำนักงาน สตง. เคยส่งหนังสือมาทางสำนักงานโยธาธิการเพื่อขอให้ออกแบบอาคารที่มีมูลค่าเกิน 1,500 ล้านบาท ออกแบบภายใน 180 วัน แต่ตามมติคณะรัฐมนตรีจะต้องใช้เวลา 10 เดือน เพื่อออกแบบระบบโครงสร้าง สถาปัตยกรรม และระบบสุขาภิบาล ดังนั้น สตง.จึงจ้างบริษัทเอกชนออกแบบแทน เพราะตามปกติ กรมโยธาฯ ได้ออกแบบตึกที่มีอาคารสูงให้กับหน่วยงานราชการพอสมควร แต่ถ้าต้องการความรวดเร็ว อาจไม่สามารถทำให้ได้เพราะมีงานประจำอยู่แล้ว ต้องใช้เวลาในการสำรวจและออกแบบ ส่วนที่ สตง.จะสร้างตึกใหม่แทนตึกที่ถล่มนั้น ยังไม่ได้ประสานมาที่กรมโยธาฯ เพื่อให้ออกแบบ ที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้เรียกผู้ออกแบบมาให้การแล้ว แต่ยังไม่สามารถด่วนสรุปสาเหตุได้ และขอให้คณะกรรมการทำงานด้วยความอิสระโปร่งใส และใช้หลักวิชาการเพื่อหาสาเหตุในการพังถล่มของตึกในครั้งนี้

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรมโยธาฯ จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการตรวจสอบอาคารของหน่วยงานภาครัฐ โดยวันที่ 28 มีนาคม-25 เมษายน ได้ตรวจสอบไปแล้วทั้งสิ้น 890 อาคาร พบเสียหายรุนแรงเพียง 1 อาคาร เป็นอาคารของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วนอาคารภาครัฐที่อยู่ในต่างจังหวัดได้ตรวจสอบไปแล้วกว่า 9,000 อาคาร พบความเสียหายที่ห้ามใช้ 76 อาคาร ในจำนวนนี้มีอาคารที่เสียหายจากแผ่นดินไหว 22 อาคาร

ขณะที่อาคารของภาคเอกชนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ อาคารที่อยู่ในกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 9 ประเภทที่ต้องตรวจสอบตามกฏหมายประจำปีอยู่แล้ว กทม.ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 5,000 อาคาร ไม่พบอาคารที่ได้รับความเสียหายรุนแรงหรือต้องระงับการใช้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบอาคารภาครัฐและเอกชน จะเห็นได้ว่ามีการตรวจไปมากกว่า 50 % จากตัวเลขความเสียหายของอาคารมีความรุนแรงและห้ามใช้อาคารมีไม่ถึง 1 % ที่ได้รับความเสียหายอยากจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าอาคารที่ยังใช้งานได้อยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นอาคารที่ใช้งานได้ขออย่ากังวลเรื่องความมั่นคงแข็งแรงหากมีการตรวจสอบ ส่วนใหญ่แล้วสามารถใช้งานได้ทั้งหมดส่วนอาคารที่มีความเสียหายทางกรมโยธาฯ มีแนวทางที่จะซ่อมแซม