ข่าวภาคค่ำ - ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้มงวดมาตรการภาคธนาคาร ปกป้องเงินในบัญชีของประชาชน ลดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหากตรวจสอบประชาชนมีส่วนผิด ต้องร่วมรับผิดชอบ
นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายน 2568 เป็นต้นมา เพื่อยกระดับป้องกันภัยทางการเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กำหนดให้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการชำระเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องยกระดับดูแลลูกค้า และมีส่วนร่วมรับผิดชอบหากละเลยการปฏิบัติตามมาตรฐานที่หน่วยงานกำกับกำหนด
โดยต้นเดือนหน้า (พ.ค.) ธปท. ยังเตรียมออกประกาศกำหนดมาตรฐานเพิ่มเติม สำหรับสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีแนวทางสำคัญ เช่น ห้ามแนบลิงก์ผ่าน SMS หรืออีเมลที่เสี่ยงต่อการหลอกลวง จำกัดการใช้งาน Mobile Banking ต่อชื่อผู้ใช้และอุปกรณ์เพียงหนึ่งเครื่อง
ซึ่งหากสถาบันการเงินละเลยมาตรฐานที่กำหนด และนำไปสู่ความเสียหาย ธนาคารจะต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายต่อประชาชน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ได้ปฎิบัติตามมาตรฐานที่ ธปท. กำหนด ส่วนถ้าตรวจสอบว่า ประชาชนมีส่วนผิด ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ
ทั้งนี้ จึงขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวัง เช่น ไม่กดลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และตรวจสอบธุรกรรมสม่ำเสมอ หลังพบภัยไซเบอร์ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ประชาชนยังถูกหลอกลวง ดูดเงินไปกว่า 5,000 ล้านบาท
