เช้านี้ที่หมอชิต - หลายหน่วยงานยังคงเดินหน้ามาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมประกาศหลักเกณฑ์ร่วมรับผิดชอบความเสียหายเพิ่มเติม
หลัง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 บังคับใช้เมื่อวันที่ 13 เมษายน สาระสำคัญ คือ สถาบันการเงิน รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องยกระดับดูแลลูกค้า และมีส่วนร่วมรับผิดชอบความเสียหายของลูกค้า
ล่าสุดเมื่อวาน (28 เม.ย.) ธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งว่าเตรียมออกประกาศกำหนดมาตรฐานการให้บริการของสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤษภาคม อาทิ ห้ามแนบลิงก์ผ่าน SMS หรืออีเมลที่เสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง, 1 โทรศัพท์ 1 ผู้ใช้งาน แอปฯ Mobile Banking, ไม่อนุญาตให้ใช้แอปฯ Mobile Banking หากโทรศัพท์มีแอปฯ เสี่ยง และต้องสแกนใบหน้าหากโอนยอดเกิน 50,000 บาท
หากสถาบันการเงินละเลยมาตรฐานที่กำหนด จะต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย แต่ถ้าประชาชนโอนเงินให้มิจฉาชีพเอง ก็ต้องรับผิดชอบเองเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐเน้นย้ำมาตลอด คือ ไม่กดลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และตรวจสอบธุรกรรมสม่ำเสมอ
สุดท้ายแล้วผู้ใช้งานควรต้องรู้เท่าทันมิจฉาชีพ ไม่หลงเชื่อง่ายๆ เพราะภัยไซเบอร์ในไตรมาส 1 ปีนี้ มีประชาชนถูกหลอกดูดเงินไปกว่า 5,000 ล้านบาท