ห้องข่าวภาคเที่ยง - เอนเทอร์เทนเมนต์ทุนต่างชาติ ที่เช่าโกดังไปเปิดให้ ชาวเมียนมาเข้าไปดื่ม กิน เล่นสนุกในพื้นที่ปิด มีคำถามตามมาว่า บุกค้นเจอขนาดนี้สรุปแล้ว ตำรวจทำอะไรได้หรือไม่? แล้วจะขยายผลอย่างไรต่อ
หลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และผู้ตรวจการกระทรวงแรงงาน นำชุดเฉพาะกิจ "ไตรเทพพิทักษ์" บุกเข้าตรวจสอบ สถานบันเทิงของนายทุนเมียนมา ในจังหวัดสมุทรสาคร ที่เจอว่าภายในมีชาวเมียนมากว่า 150 คน เจอของกลางยาเสพติด มีด ปืน โต๊ะสนุกเกอร์ ที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหลายข้อหา
แต่กลายเป็นว่าที่ คุณศจี ผู้ประกาศข่าวของเราได้คุยกับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร แล้วได้ข้อมูลมาว่า ยังไม่สามารถดำเนินคดีใด ๆ ได้ เพราะยังไม่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์
ทีมข่าวลงพื้นที่เข้าไปจุดเกิดเหตุ ก็ไปเจอเจ้าของที่ พาไปสำรวจภายใน พบว่า จุดนี้เป็นโรงงานเก่า ที่ถูกรับช่วงเช่าพื้นที่ต่ออีกทอด มีรั้วรอบขอบชิด แยกห่างจากชุมชน มีถนนแยกเข้าไปเป็นซอยตันอยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน ภายในให้เช่า เป็นผับ บาร์ แยกส่วนร้านอาหารและโต๊ะสนุก
เจ้าของที่ ยอมรับว่า เมื่อก่อนเคยเปิดผับจริง แต่ปิดตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วให้เพื่อนคนไทยมาเช่าที่เปิดผับ เปิดมาได้ 4-5 เดือน ส่วนตนเองแยกเปิดร้านอาหารตามสั่ง และเปิดโต๊ะสนุกไว้ให้บริการแรงงานเมียนมาที่มาแกะกุ้ง ส่วนตัวมองว่าข่าวที่ออกรุนแรงเกินไป
ขณะที่ชาวบ้านในซอย เล่าว่า เห็นแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ขับรถเข้า-ออก ตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งรถหรู รถจักรยานยนต์เข้า-ออก อีกทั้ง ชาวบ้านยังระบุว่า ภายในยังเป็นแหล่งมั่วสุมขายน้ำกระท่อม ทำให้เด็กวัยรุ่น เยาวชน ขับวนเข้าออกเข้าไปซื้อกินกันตลอดทั้งวัน อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมไม่ให้เกิดภาพแบบนี้
ทีมข่าวได้ข้อมูลอีกด้านเรื่องการดำเนินคดี สรุปได้ว่า นายสุรวุฒิ เตรียมถูกแจ้งข้อหา จัดให้มีการเล่นการพนัน (ฉลากเรียงเบอร์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราที่ทำขึ้นเองโดยได้รับอนุญาตขณะที่ นายอนุศร เจ้าของร้านคาราโอเกะ จะถูกดำเนินคดีฐาน เปิดสถานบริการโดยไม่รับอนุญาต ส่วนแรงงานที่ตรวจเจอทั้งหมด ตรวจสอบแล้วพบว่ามีใบอนุญาตเข้ามาทำงาน แต่มีการประกอบอาชีพผิดจากที่ได้รับอนุญาต จะต้องเปรียบเทียบปรับต่อไป