ชีวิตติดหรู ! สตม. รวบหนุ่มฟิลิปปินส์ ตระเวนชักดาบโรงแรม 5 ดาว หลายแห่ง เสียหายหลายแสน
(1 พ.ค. 68) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม, พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง และชาวต่างชาติที่มีลักษณะเป็นอาชญากร เป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือได้กระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม.
โดยที่ผ่านมา พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผู้บังคับการ ตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้รับแจ้งข้อมูลร้องเรียนจากโรงแรมระดับ 5 ดาว หลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพหานครเกี่ยวกับพฤติกรรมของชายชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่ง ซึ่งตระเวณก่อเหตุออกอุบายหลอกพนักงานโรงแรม เพื่อเข้าพักโดยไม่ชำระค่าที่พักและอาหาร โดยพบมีการกระทำความผิดต่อเนื่อง ก่อเหตุหลายครั้ง หลายพื้นที่
โดยพฤติการณ์ในการก่อเหตุของคนร้ายรายนี้ก่อเหตุหลอกพนักงานโรงแรม เพื่อเข้าพักโดยไม่ชำระค่าที่พักและอาหาร โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีความแยบยล กล่าวคือ คนร้ายจะทำการจองห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มชื่อดัง จำนวน 4 - 5 คืน โดยในขั้นตอนการจองจะมีการกรอกเลขบัตรเครดิตไว้ ซึ่งระบบจะทำการหักเงินจริงเมื่อมีการนำบัตรมารูดชำระที่โรงแรม และทุกครั้งที่ทำการจอง คนร้ายจะเลือกจองห้องพักพร้อมกับรถลิมูซีนรับจากสนามบินจำนวน 2 คัน แจ้งว่าตนจะพักอาศัยกับบิดา จะให้รถลิมูซีนคันแรก มารับตัวคนร้ายก่อน ส่วนรถอีกคันจะระบุให้มารับบิดาของคนร้ายในอีกวันหนึ่ง ซึ่งจากการสืบสวนภายหลัง ทราบว่ามิได้เดินทางลงจากเครื่องบินเข้ามาในประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว
เมื่อมาถึงโรงแรมได้ลงทะเบียนเข้าพัก คนร้ายออกอุบายว่าเอกสารหนังสือเดินทางและเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่คนเป็นพ่อซึ่งอยู่รถคันที่ 2 ที่จะตามมาเลย ขอให้โรงแรมอนุญาตให้พักและกินใช้ก่อนส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเป็นพ่อจะเป็นคนชำระเอง อีกทั้งเมื่อโรงแรมตรวจสอบในระบบก็พบว่ามีการจองรถคันที่ 2 ไว้อีกวันหนึ่ง ซึ่งจะต้องไปรับแขกอีกท่านมาที่โรงแรมจริง จึงหลงเชื่อยอมให้เข้าพักไปก่อน เมื่อคนร้ายได้รับอนุญาตให้เข้าพัก ก็จะมีการสั่งอาหาร และใช้บริการ room service ต่างๆ โดยระบุให้ลงบิลค่าใช้จ่ายรวมเข้ากับค่าห้องพัก จนกระทั่งถึงกำหนดวันและเวลาที่แจ้งว่ารถลิมูซีนคันที่ 2 ต้องมารอรับบิดาของคนร้ายจากสนามบิน ก็ไม่ปรากฏพบบิดาตามที่แจ้ง ในเช้าวันถัดมา เมื่อทางโรงแรมเข้าทำความสะอาดก็ไม่พบทรัพย์สินของมีค่าของคนร้าย จึงพยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ในทุกช่องทาง ทางโรงแรมได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์
ซึ่งจากเหตุดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองชุดสืบสวน ก็ได้รับรายงานพบเหตุลักษณะเดิมอีกหลายครั้ง จนทราบว่าคนร้ายมิใช่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำข้อมูลจากการสืบสวน ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายนี้
ในวันที่ 25 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่เนื่องจากได้ข้อมูลจากการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับรายนี้กำลังเดินทางออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อกลับมาพักอาศัยอยู่ในห้องพัก ใกล้กับมหาวิทยาลัย ในช่วงเวลาเย็น เจ้าหน้าจึงไปดักรอจับกุมบุคคลตามหมายจับกุม ทราบชื่อคือนายเลโอนาร์โด (นามสมมติ) สัญชาติ ฟิลิปปินส์ อายุ 26 ปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งคนร้ายต้องหาว่า “โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ” ควบคุมตัวผู้ถูกจับส่ง พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป