ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง”แอมมี่“ Bottom Blues ส่วน “ฟ้า” พรหมศร โดยคุก 2 ปี คดี 112 ไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง”แอมมี่“ Bottom Blues ส่วน “ฟ้า” พรหมศร โดยคุก 2 ปี คดี 112 ไม่รอลงอาญา

View icon 106
วันที่ 6 พ.ค. 2568 | 15.17 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง”แอมมี่“ Bottom Blues คดี 112 ปราศรัยร้องเพลงหน้าศาลธัญบุรี ชี้ พยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัยจำเลยทำผิดหรือไม่ ส่วน “ฟ้า” พรหมศร โดยคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ภายหลังเจ้าตัวยื่นประกัน โดยศาลอนุญาตวางเงินสด 300,000 บาท ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา

วันนี้ (6 พ.ค.68) ศาลจังหวัดธัญบุรีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องนายพรหมศร หรือ “ฟ้า” จากกลุ่มราษฎรมูเตลู เเละนายไชยอมร หรือ แอมมี่ – The Bottom Blues” นักร้องชื่อดัง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ กรณีปราศรัยและร้องเพลงหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 เรียกร้องให้ศาลปล่อยตัว นายสิริชัย หรือนิว นักศึกษาธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกจับกุมกลางดึกตามหมายจับในคดี 112 

คดีนี้นายพรหมศร จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในวันสุดท้ายของการสืบพยาน โดยศาลชั้นต้น พิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2566 ว่า นายพรหมศรมีความผิดตามมาตรา 112 และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 100 บาท ไม่รอลงอาญา ส่วนนายไชยอมรให้การปฏิเสธ ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหามาตรา 112 เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกหรือไม่ ส่วนข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษปรับจำนวน 200 บาท ส่วนข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง เนื่องจากในการสืบพยานได้ความว่า บริเวณสถานที่เกิดเหตุมิใช่สถานที่แออัดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค และจำเลยทั้งสองไม่ใช่บุคคลผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกิจกรรม

ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ โดยวันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุลงโทษจำเลยที่ 1 สถานเบาหรือไม่ เห็นว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 เหมาะสมแก่พฤติการณ์ในการกระทำความผิดแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ส่วนที่จำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเป็นการแสดงออกถึงทัศนคติที่เป็นปรปักษ์ต่อสถาบันฯ หลักของปวงชนชาวไทยและสังคมไทย การกระทำของจำเลยที่ 1 นับเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณียังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยอันสมควรว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในความผิดข้อหานี้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดข้อหาร่วมกันทำการโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ปรับจำเลยทั้งสองเป็นพินัยคนละ 200 บาท ในความผิดฐานอื่นและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ภายหลัง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากทีมทนายความที่ทำคดีบอกว่า นายพรหมศรยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาเเล้ว คาดว่าใช้หลักทรัพย์เดิม

ต่อมาศาลจังหวัดธัญบุรี มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 ในระหว่างฎีกา โดยนายประกันวางหลักประกัน เป็นเงินสด 300,000 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง