พ่อวัยชรา ถึงกับยกมือไหว้ขอบคุณ! หลังเจ้าหน้าที่บุกจับลูกชายขี้ยา เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ชอบอาละวาด-ขู่ทำร้าย จนต้องหนีไปปลูกกระท่อมอยู่ปลายนา จ.สุพรรณบุรี
9 พ.ค. 68 ที่ จ.สุพรรณบุรี นายกองเอก พิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายกองโท วรวิทย์ ยอแสง ปลัดจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี มีการลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติดและขายยาเสพติด คนขายคือ นายภาคภูมิ อายุ 37 ปี เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน นอกจากนี้เวลาหลอนยาก็จะข่มขู่ทำลายข้าวของ และจะทำร้ายพ่อแม่วัยชรา จนพ่อแม่สุดทนไม่กล้าอยู่ด้วย ต้องหนีไปปลูกกระท่อมอยู่ปลายนา เพื่อความปลอดภัย
จึงสั่งการให้ นายหมวดเอก ธรรศ ศรีดุษฎี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี (ชุดไกรสีห์) เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวแต่ไม่พบตัว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังซุ่มรออยู่ กระทั่งเวลา 02.00 น.วันนี้ (9 พ.ค.) นายภาคภูมิ อายุ 37 ปี ได้ขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีเพื่อน ชายวัย 30 ปีนั่งซ้อนท้ายเข้ามาที่บ้าน ซึ่งที่ตะกร้าหน้ารถมีกระสอบปุ๋ยวางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นในตัวทั้งสองคน ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนในกระสอบพบเป็นหม้อหุงข้าว ฝาโอ่งน้ำอลูมิเนียม และมอเตอร์พัดลม จำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมเข้าไปในบ้านเพื่อจะตรวจค้นหายาเสพติดเนื่องจากได้รับแจ้งว่านายภาคภูมิ มียาบ้าเก็บไว้บนบ้าน แต่นายภาคภูมิ ปฏิเสธว่าตนไม่มียาสเพติด เพราะเสพไปหมดแล้ว ตนเอาอลูมิเนียมไปขายร้านก็ปิด จึงย้อนกลับมา ก่อนถูกจับ สาบานว่าตนไม่มียาบ้าจริง ๆ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จะขึ้นไปตรวจค้นบนบ้าน
ซึ่งนายภาคภูมิ พยายามต่อรองเจ้าหน้าที่บอกขอพ่อแม่กับผู้นำหมู่บ้านมาเป็นพยายานในการตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงไปรับพ่อของนายภาคภูมิ วัย 73 ปี สุขภาพไม่ดี ที่กระท่อมปลายนา ห่างจากบ้านที่นายภาคภูมิ อยู่ประมาณ 300 เมตร และประสานนายไพโรจน์ จรรยาพูลทรัพย์ กำนันตำบลดอนกำยาน มาเป็นสักขีพยานตามคำร้องขอ จากการตรวจค้นบ้านบ้าน พบอุปกรณ์การเสพ อยู่ตามพื้นและในลิ้นชักโต๊ะ เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 20 นาที จึงพบยาบ้าบรรจุซองพลาสติกใส จำนวน 55 เม็ด ซุกอยู่ในปลอกหมอน แต่นายภาคภูมิ ก็ยังไม่ยอมรับอ้างว่ายาบ้าดังกล่าวไม่ใช่ของตน
โดยกำนัน และพ่อของนายภาคภูมิ ที่ยืนดูการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิดและเห็นกับตาว่ามียาบ้าอยู่ในปลอกหมอน สุดท้ายนายภาคภูมิ ก็ยอมรับว่ายาบ้าที่พบเป็นของตนเอง
พ่อของนายภาคภูมิ กล่าว่า ตนมีลูก 2 คน นายภาคภูมิเป็นลูกชายคนโต ไม่ทำมาหากิน ติดยาเสพติดมานาน เคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้วนับ 10 ครั้ง เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ตนและภรรยาพยายามสอน พยายามเตือน แต่ลูกชายไม่เคยเชื่อฟัง บางครั้งมีอาการอยากยา ไม่มีเงินซื้อก็มาบังคับเอาเงินที่ตนกับภรรยา พอไม่ให้ก็จะทำร้าย และลักเอาทรัพย์สินในบ้านไปขาย นแทบไม่เหลืออะไร
ซ้ำร้ายวันไหนถ้าอยากยาจนหลอนก็จะเอามีดมาลับ แล้วฟันต้นไม้ฟันโต๊ะ ข่มขู่ให้ตนกับภรรยาเซ็นเอกสารยกมรดกที่นาให้ เพื่อจะเอาไปขาย แต่ตนทั้ง 2 คนไม่ยอม นายภาคภูมิ ก็จะอาละวาดทุบทำลายข้าวของ จนตนและภรรยาทนไม่ไหว กลัวจะเกิดอันตรายถึงชีวิตจึงหนีไปปลูกกระท่อมอยู่ที่ปลายนา จนญาติ ๆ ทนพฤติกรรมไม่ไหวโทรแจ้งร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัด ให้ช่วย
"วันนี้ตนต้องขอบคุณท่านผู้ว่า ท่านปลัดจังหวัด และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาช่วยจับลูกชายทาสยาคนนี้ไปดำเนินการ ตนรู้สึกโล่งอก สบายใจ เหมือนมีเทวามาโปรด จะได้นอนตาหลับสักที"
ขณะที่ นายไพโรจน์ จรรยาพูลทรัพย์ กำนันตำบลดอนกำยาน กล่าวว่าพฤติกรรมของนายภูมิ นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเคยถูกจับเข้าออกคุกเป็นว่าเล่นทั้งเสพทั้งขาย วันนี้นับว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดลงพื้นที่มาจับกุมตัวเอาไว้ได้ ถ้าดำเนินการช้ากว่านี้ ชีวิตของลุงกับป้าอาจะไม่ปลอดภัย อาจจะโดนลูกชายคลั่งยาฆ่าตายก็เป็นได้