“เสรีพิศุทธ์” เชื่อว่า มติแพทยสภา ทำให้ “ทักษิณ” หมดทางเลี่ยง “นายกฯ” เสี่ยงโดนร้องผิดจริยธรรม หากพ่อป่วยไม่จริง
วันนี้ (9พ.ค.68) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ในคดีการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างต้องโทษจำคุก หลังมีผู้ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า แพทยสภา มีมติลงโทษ แพทย์ 3 คนที่เกี่ยวข้อง ประเด็นข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือไม่มีพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ แสดงว่ามีภาวะวิกฤต ถือว่าเป็นข้อมูลเท็จ เมื่อครั้งที่ตนเองได้ขึ้นไปเยี่ยมนายทักษิณ ถึงชั้น 14 นายทักษิณ ไม่ได้สวมชุดคนป่วย ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตธรรมดา กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ นั่งคุยกันเป็นชั่วโมง
ส่วนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนกรณีอาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มองว่า ศาลอาจตั้งประเด็นว่า การส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 มีการขออนุญาตศาลหรือไม่ หากไม่มีการขออนุญาตแสดงว่าขัดต่อมาตรา 246 กรณีการทุเลาบังคับคดีและชะลอการลงโทษไว้ก่อน ก็ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล หากยังไม่ได้ติดคุก ก็สามารถออกหมายแดงขังได้เลย อย่างกรณีนายทักษิณ ต้องนับวันว่าขังไว้แล้วหนึ่งวันก็นับจำนวนที่เหลือและฝากขังได้เลย
ส่วนการพิจารณาของ ป.ป.ช. สามารถเรียกแพทยสภา ให้นำเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบได้เลย ยิ่งเมื่อมีการนัดไต่สวนของศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ถือว่า นายทักษิณ ไม่มีทางเลี่ยงแล้ว ไม่มีใครรช่วยได้แล้ว ไม่ว่าจะ 10 ทักษิณ หรือ 100 ทักษิณก็ช่วยไม่ได้ มีทางเดียวคือการให้ความจริงต่อศาล และ ป.ป.ช. เพื่อให้กระบวนการดำเนินคดีเรื่องนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบริสุทธิ์ยุติธรรม และ การสารภาพจะช่วยลดโทษได้กึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานยืนยันได้อีกว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง เพราะคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา ไม่เคยไปเยี่ยมสักครั้งเดียว ส่วนลูกก็ไปไม่กี่ครั้ง นอกนั้นไปเที่ยวต่างประเทศหมด ส่วนตัวเชื่อว่า หากนายทักษิณร่วง นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบุตรสาวก็ร่วงด้วย หากมีผู้ยื่นร้องผิดจริยธรรม เพราะก่อนหน้านี้เคยระบุ ว่า พ่อป่วยและผ่าตัดด้วย