ประธาน กกต. ยันหมายเรียก สว. เป็นไปตามกฎหมาย

ประธาน กกต. ยันหมายเรียก สว. เป็นไปตามกฎหมาย

View icon 130
วันที่ 10 พ.ค. 2568 | 13.16 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ประธาน กกต. ยืนยันหมายเรียก สว. เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อมีหลักฐานจึงดำเนินการได้เร็ว กระบวนการพิจารณาอยู่ที่ศาล หากศาลรับคำร้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (10 พ.ค.68) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่มีหมายเรียกสมาชิกวุฒิสภามาชี้แจงเรื่องการฮั้วเลือก สว. ว่า เป็นเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเป็นพิเศษคือคณะที่ 26 มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาช่วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วพบว่าสามารถนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาได้ จึงทำหนังสือนัดหมาย กำหนดเวลา ให้บุคคลที่ปรากฎตามข่าว มารับทราบข้อกล่าวหาและให้โอกาสชี้แจง แสดงหลักฐานของตัวเอง

ประธาน กกต. กล่าวว่า การแจ้งให้มาชี้แจง สามารถทำได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ คณะกรรมการฯ ไปยื่นด้วยตัวเอง และติดหมายเรียกไว้หน้าบ้าน กรณีไม่พบเจ้าตัว ซึ่ง สว.ที่ได้รับหมายเรียกต้องเข้าไปชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26  ที่สำนักงาน กกต. ส่วนกรอบเวลาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ มีเวลา 90 วัน แต่สามารถขยายได้ หากเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายบุคคล และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแล้วก็จะมีการประมวล พิจารณาวินิจฉัย และเสนอความเห็นไปยังเลขาธิการ กกต. ซึ่งกรอบเวลาของเลขาฯ มีเวลาพิจารณาอีก 60 วัน  

จากนั้นจึงจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต.โดยผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณากลั่นกรอง เพื่อเสนอความเห็นให้ กกต.ตัดสินและหากที่ประชุม กกต.เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอก็ยุติเรื่อง แต่หากพบว่ามีความผิดจริงก็ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และเข้าสู่กระบวนการของศาลต่อไป ถ้าศาลรับคำร้องไว้ก็จะส่งผลให้สมาชิกวุฒิสภาต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ 

ส่วนกรอบระยะเวลาการพิจารณาคำร้องที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปีนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า กรอบ 1 ปี เป็นการกำหนดเอาไว้เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่กระทบกับการสืบสวนไต่สวนใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสามารถยืดหยุ่นและขยายเวลาได้ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานก็ไม่อยากล่าช้า เพราะถ้าช้าต้องมีเหตุผล หากมี สว. ต้องออกจากหน้าที่จะต้องมีการเลือก สว.ใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนจะมีการเรียก สว.มาชี้แจงเพิ่มจากที่เรียกไปรอบแรก 53 คนหรือไม่  นายอิทธิพร  กล่าวว่า เมื่อคำร้องเข้าสู่กระบวนการ ก็ต้องให้แต่ละส่วน มีอำนาจหน้าที่อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจะมีอีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คณะกรรมการฯ ชุดที่ 26 เป็นผู้พิจารณา การให้ข่าวออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม 

เมื่อถามย้ำว่าในหมายเรียกระบุชัดเจนว่า สว.มีความผิดชัดเจนเรื่องฮั้ว นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ใช่มีความผิด  แต่มีพฤติการณ์ที่อาจจะเป็นการฝ่าฝืน จะวินิจฉัยว่าผิดเลยไม่ได้ เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานบุคคลที่มี ทำให้เราเชื่อ แต่การตัดสินว่าใครผิดหรือไม่ผิดเป็นหน้าที่ศาล 

เมื่อถามถึงการวินิจฉัยของอนุกรรมการฯ ก่อนเสนอ กกต.สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่  นายอิทธิพร  กล่าวว่า ไม่ได้เปลี่ยน  แต่สามารถแสดงความเห็นได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือมีจุดไหนที่ต้องการข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและใช้ดุลพินิจได้อย่างชัดเจนที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเกิดความลักลั่น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ชัด

ประธานกกต. กล่าวต่อว่า มีบางเรื่องที่ กกต.มีพยานหลักฐานไม่มากเท่ากับดีเอสไอ จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดู เมื่อเชิญเข้ามา บวกกับพยานหลักฐานที่เขามีอยู่แล้ว ก็ทำให้ไม่ช้า ซึ่งคำร้องของ สว.มีทั้งหมดประมาณ 577 คำร้อง ทำเสร็จไปแล้ว 300 กว่าเรื่อง 

นายอิทธิพร  ยังยืนยันว่า การเรียก  สว. เข้ามาชี้แจงในครั้งนี้เป็นการเรียกของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26

ข่าวที่เกี่ยวข้อง