พ่อชายคลั่ง ยิงสวนตำรวจ เปิดใจ เหตุการณ์นี้ หากลูกชายยิงต่อสู้แล้วถูกตำรวจวิสามัญฯ จะไม่ติดใจเอาความอะไรทั้งสิ้น

พ่อชายคลั่ง ยิงสวนตำรวจ เปิดใจ เหตุการณ์นี้ หากลูกชายยิงต่อสู้แล้วถูกตำรวจวิสามัญฯ จะไม่ติดใจเอาความอะไรทั้งสิ้น

View icon 1.6K
วันที่ 15 พ.ค. 2568 | 11.38 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พ่อชายคลั่ง ยิงสวนตำรวจ เปิดใจ ตัดขาดลูกชายมาตั้งแต่อายุ 12 ปีแล้ว เหตุการณ์นี้ หากลูกชายยิงต่อสู้แล้วถูกตำรวจวิสามัญฯ ตนเองยืนยันว่า จะไม่ติดใจเอาความอะไรทั้งสิ้น

15 พ.ค.68 จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 08.10 น. ตำรวจ สน.บางกอกน้อย รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งภายในบ้านหลังหนึ่ง หลังวัดลครทำ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยผู้ก่อเหตุ คือนายณัฐวัชต์ หรือ เต้ อายุ 31 ปี

โดนตอนแรกชาวบ้านที่แจ้งเหตุบอกว่านายเต้ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านก่อความเดือดร้อนรำคาญ พยายามจะบุกรุกเข้ามาในบ้านของชาวบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบนายเต้ ผู้ก่อเหตุยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน กลางซอยมีอาการผิดปกติ เอะอะโวยวาย และมีอาวุธปืนไม่ทราบชนิด เจ้าหน้าที่พยายามจะเจรจา แต่นายเต้ไม่คุยด้วย และกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะยิงปืนออกมาจากในบ้าน โดยยิงขึ้นฟ้า 6 นัด ยิงไส่ตำรวจ 3 นัด และยิงสวนออกมาอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปิดล้อม

โดยตอนแรกชาวบ้านเข้าใจผิด เพราะก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุมีลูก 2 คน ทำให้เข้าใจว่ามีตัวประกันเป็นเด็ก แต่จริงๆแล้ว นายเต้มีประวัติเสพและขายยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง เคยคลุ้มคลั่งมาแล้วหลายครั้ง จนภรรยาทนไม่ไหว หอบลูกหนีออกจากบ้าน ขณะที่ชาวบ้านก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เกรงว่าจะได้รับอันตราย

ซึ่งเบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างให้ญาติช่วยเข้าเจรจา และมีการใช้โดรนพร้อมเครื่องขยายเสียงบินสำรวจ และเกลี้ยกล่อม ส่วนภรรยานายเต้ ได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมแล้วแต่ไม่เป็นผล ตำรวจจึงพาออกไปรับลูกๆ ซึ่งเบื้องต้นภรรยานายเต้ให้ข้อมูลว่า ทะเลาะกับนายเต้มา 4 วันแล้ว และตัวนายเต้น่าจะเสพยาจนไม่ได้นอนมาติดต่อกัน ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าว

ส่วนเพื่อนของนายเต้ ตำรวจก็พามาช่วยเจรจา โดยเพื่อนนายเต้บอกว่า นายเต้ทะเลาะกับภรรยา เพราะหึงหวงกลัวภรรยาไปมีชายอื่น ทำให้เสพยาติดต่อกันไม่ได้นอนมาหลายวัน

ส่วนพ่อของนายเต้ บอกว่าที่ผ่านมาลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด และเวลาที่เสร็จยาเสพติดก็มักจะมีปัญหากับภรรยา จนทำให้ที่ผ่านมาทั้งคู่เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุที่ถึงขั้นว่าเอาปืนออกมายิงกันแบบนี้

ลูกชายของตนได้ออกจากบ้านมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุตั้งแต่อายุ 12 ปี นั่นจึงให้ตนเองเริ่มห่างเหินกับลูกชาย จนนำไปสู่การตัดขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้นมา เนื่องจากตนเองรู้มาอยู่แล้วว่าลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตั้งแต่ตอนนั้น และบ้านหลังที่ลูกชายมาอาศัยอยู่ก็มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยกันทั้งบ้าน

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเบื้องต้นตนเองทราบว่าลูกชายได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาอีกครั้ง สาเหตุมาจากการที่ลูกชายเสพยาเสพติดแล้วเกิดอาการหลอนคิดว่าภรรยามีชายอื่น จึงทำให้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

สำหรับอาวุธปืนที่ลูกชายมีไว้ติดตัว ตนเองไม่ทราบว่าลูกชายเอามาจากไหน แต่ถ้าหากการเข้าระงับเหตุในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวของลูกชายได้มีการยิงปืนออกมาต่อสู้ แล้วสุดท้ายจบด้วยการที่ลูกชายถูกตำรวจวิสามัญ ตนเองก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องอะไรทั้งสิ้นถึงแม้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ถ้าหากทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฏหมาย ไม่เข้าข้างใคร