ห้องข่าวภาคเที่ยง - ไปหาหมอ คิดว่าจะหายป่วย แต่ที่ไหนได้เจ็บตัวหนักกว่าเดิม หญิงสาวคนหนึ่งไปฟอกไตที่โรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นมีอาการปวดเท้า พยาบาลจึงเจาะข้อมือ คว้านหาเส้นเลือดเพื่อให้ยาจนช้ำ ถึงขั้นเนื้อตาย
ใครจะไปคิดว่าแค่ไปหาหมอ รักษาตัวที่โรงพยาบาลให้หายป่วย แต่กลับเจ็บหนักกว่าเดิม หญิงสาวคนหนึ่ง เล่าว่า เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา (2568) เพื่อไปฟอกไต แต่จู่ ๆ มีอาการปวดหน้าเท้า จึงเข้าไปหาหมออีกแผนก ได้คิวตอน 15.00 น. พยาบาลให้นั่งรอห้ามเดินไปไหน อ้างว่าหมอใกล้จะมาแล้ว รอถึง 17.00 น. หมอก็ยังไม่มา จนเธอเริ่มมีอาการใจสั่น หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม พยาบาลจึงพาไปห้องฉุกเฉิน เพื่อฉีดกลูโคสให้ โดยการเจาะข้อมือคว้านหาเส้นเลือดจนแขนช้ำ ซ้ำยังพยายามดันกลูโคสเข้าเส้นเลือดอย่างแรง
แล้วแขนก็อักเสบ อาการก็ไม่ดีขึ้น หมอจึงให้มาแอดมิดอีกครั้ง โดยให้กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ แต่อาการที่แขนหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องเจาะตุ่มน้ำออก ถึงขั้นต้องเข้าห้องผ่าตัด คว้านเนื้อตายออก 2 ครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นได้มีการพูดคุยเรื่องของการเยียวยา แต่ทางหัวหน้าพยาบาลอ้างว่าจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายส่วนต่าง แต่ในส่วนของเงินเยียวยาต้องไปร้องเรียนที่ประกันสังคมเอาเอง
ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเธอ น่าจะมาจากกระบวนการรักษาหรือไม่ เธอทั้งเจ็บตัวเพิ่ม ทั้งเสียงาน เสียเวลา จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือกับ มูลนิธิเป็นหนึ่ง วันนี้ (16 พ.ค.) จึงได้เดินทางมาที่ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องขอความเป็นธรรม
เบื้องต้น นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมระบุว่า จะส่งเรื่องให้ สำนักงานประกันสังคม ตรวจสอบโรงพยาบาลในสังกัดที่คนไข้เข้ารับการรักษา ว่ากระบวนการรักษาเป็นอย่างไร และตรวจสอบพยาบาลที่ให้การรักษา ฉีดยาให้ รวมไปถึงเรื่องการเยียวยา โรงพยาบาลจะรับผิดชอบอย่างไรได้บ้าง ให้รอผลการตรวจสอบออกมาก่อน
