วันนี้ (16 พ.ค. 68) น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง เข้าร้อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังเข้ารับการผ่าตัดมดลูกรังไข่ทั้ง 2 ข้าง วันที่ 24 มี.ค. 68 ที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี หลังออกจากห้องผ่าตัดมีอาการปวดท้องตลอดเวลา และหลังผ่าตัดครบ 1 เดือนพบมีอาการผิดปกติ มีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดตลอดเวลา ต้องใส่แพมเพิร์ส 8-9 ผืนต่อวัน จากนั้นวันที่ 29 เม.ย. 68 จึงไปพบหมอผ่าตัด ได้อัลตราซาวด์ไต พบว่าไตข้างขวามีน้ำรั่วออกมา หมอยอมรับบอกว่าน่าจะผ่าตัดโดนท่อไต หากคนไข้ต้องการเงินเยียวยาหมอจะยื่นเรื่องให้ แต่ต้องรอให้สิ้นสุดกระบวนการรักษาก่อน
จากนั้นหมอได้ส่งตัวกลับมาให้ รพ.รัฐอีกแห่งหนึ่ง ตามสิทธิบัตรทอง ใน จ.ปทุมธานี แต่เนื่องจากไม่มีหมอเฉพาะทาง จึงได้ส่งไปรักษา รพ.รัฐอีกแห่ง ใน จ.ปทุมธานี เพื่อทำการส่องกล้องใหม่อีกครั้งในวันที่ 20 พ.ค. 68 ซึ่งจะมีค่ารักษาส่วนต่าง 5,000 บาท น.ส.เก๋ จึงได้แจ้งให้หมอผ่าตัดที่ รพ.รัฐแห่งแรกที่รักษา ทราบว่าจะต้องเสียค่าส่วนต่างที่ รพ.ที่ 3 ซึ่งตนคิดว่า รพ.ที่ 1 และหมอที่ผ่าตัดควรออกมาแสดงความรับผิดชอบชีวิตของตนมากกว่านี้ เพราะเป็นความผิดพลาดของ รพ. ชีวิตตนไม่ได้มีค่าแค่ 5,000 บาท แล้วผลักส่งต่อไปแล้วจบ ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ใช้ชีวิตลำบากและทุกข์ทรมานอย่างมาก ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ เพราะไม่ได้ทำงาน ถึงกับประกาศขายบ้านเพื่อจะหาเงินมารักษาตัว
อย่างไรก็ตาม หลังรับเรื่องร้องทุกข์ให้ช่วยขอความเป็นธรรม นางปวีณา ได้ประสาน นพ.ปริพนท์ จุลเจิม สสจ.นนทบุรี และ ผู้อำนวยการ รพ.รัฐที่รักษาครั้งแรก ใน จ.นนทบุรี เพื่อให้การรักษา และช่วยเหลือเยียวยาตามมาตรา 41 เร่งด่วน โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามกับ สสจ.นนทบุรี และ ผู้อำนวยการ รพ. ที่ 1 ที่รักษาอย่างใกล้ชิดต่อไป
นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์จาก น.ส.เก๋ แล้วได้สอบถามรายละเอียดพร้อมกับตรวจสอบเอกสารแล้ว เห็นว่า รพ.ที่ผ่าตัดต้องให้การช่วยเหลือ น.ส.เก๋ อย่างเร่งด่วน ทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล และการรับเงินเยียวยาตามมาตรา 41 โดยจะพา น.ส.เก๋ เข้าพบให้การช่วยเหลือสัปดาห์หน้า และมูลนิธิปวีณาฯ จะมอบเงินช่วยเหลือค่ารักษาส่วนต่าง 5,000 บาท ให้น.ส.เก๋ไปมอบให้ รพ.ที่ 3 ก่อน