“จิรายุ” สวน “สมชาย” เอาใจยาก หลังแขวะนายกฯ ไปอังกฤษ ยกคติพจน์ “ทำงานให้คนอิจฉา ดีกว่านั่งอิจฉาคนทำงาน”
.
วันนี้ (22 พ.ค.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่อังกฤษ ไม่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และไม่มีการเชิญสื่อมวลชนไปนั้น จริง ๆ นายสมชายก็เคยเป็นสื่อมวลชนน่าจะทราบว่า ภารกิจรัฐบาลรัฐบาลในต่างประเทศก็มีทั้งขนาดเล็ก, กลาง และใหญ่ จึงขอเรียนว่า ภารกิจบางอย่างรัฐบาล ก็ไม่จำเป็นต้องไปชุดใหญ่ เพราะมีสถานทูตอยู่แต่ละประเทศ ซึ่งมีทั้งเอกอัครราชทูต, ทูตพาณิชย์, ทูตทหาร มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายโสตฯ จำนวนมาก
ขณะเดียวกันหากพาสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่ไปชุดใหญ่ก็ค่อนแคะว่า เปลืองงบประมาณ พอไปน้อยก็ถามอีกว่า ทำไมไม่เอาสื่อไป พอนายกรัฐมนตรีไปเชิญชวนนักธุรกิจมาลงทุน และโพรโมทสินค้าไทยก็อารมณ์เสียอีกว่า ทำไมไม่ได้พบกับผู้นำประเทศนั้น จนบางทีก็เอาใจคนวัยนี้ได้ยากจริง ๆ หรือเป็นเพราะอารมณ์แห่งความเกลียดชังเลยบดบังทัศนียภาพความเจริญของประเทศไทยใช่หรือไม่
นายจิรายุ ยังระบุอีกว่า ประเทศไทยวนเวียนอยู่กับความขัดแย้ง อิจฉาตาร้อนแบบนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี มีหลายปัจจัยปัจจัยที่เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจของประเทศ การเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องของการไปส่งเสริมสินค้า และภาคธุรกิจของไทย นักธุรกิจไทยที่นั่นต่างขอบคุณ และดีใจที่ผู้นำไทยให้ความสำคัญแต่กลับมีบางคนที่เมืองไทยนั่งตาร้อน ท้้งนี้ตนยังมั่นใจในคติพจน์แต่โบราณในการทำงานที่ว่า “ทำงานให้คนอิจฉา..ดีกว่านั่งอิจฉาคนทำงาน..”
นอกจากนี้การเดินทางของนายกรัฐมนตรี แต่ละครั้งกลับมาไม่เคยที่จะไม่มีอะไรติดมือมา ไม่ว่า จะเป็นภาพลักษณ์ทางด้านการลงทุนในเวทีระดับโลก ความสามารถเชิญชวนนักลงทุนระดับโลกรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่นำเสนอให้กับนานาอารยะประเทศมาลงทุนได้เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามบางคนยังติดอารมณ์หงุดหงิด เพราะไม่ว่าคนในครอบครัวนี้ จะทำอะไรที่ดีต่อประเทศชาติมากแค่ไหนก็จะมองไม่เห็นแม้แต่ “องคุลี ”
โดยการเดินทางครั้งนี้ไปเพียงแค่ 2-3 วัน ตนเชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ในการเดินทางเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยสามารถขยายในตลาดโลกได้มากขึ้น รวมทั้งหากประเทศไทยได้มีโอกาสจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลก อย่างการจัดการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 หรือฟอร์มูล่าวัน ที่จะสามารถโกยเงินเข้าประเทศไม่รู้กี่แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประเทศ