กะโหลกมนุษย์โบราณ 3 หัว โผล่จากดินริมตลิ่งลำน้ำมูล คาดอายุกว่า 1,500 ปี

กะโหลกมนุษย์โบราณ 3 หัว โผล่จากดินริมตลิ่งลำน้ำมูล คาดอายุกว่า 1,500 ปี

View icon 266
วันที่ 22 พ.ค. 2568 | 17.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ฝนตกหนักน้ำกัดเซาะดิน พบกะโหลกมนุษย์ 3 หัว โผล่จากดินริมตลิ่งลำน้ำมูล จ.นครราชสีมา และเศษเครื่องปั้นดินเผา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบคาดเป็นมนุษย์โบราณ อายุราว 1,500 – 3,000 ปี หลังเคยพบแล้ว 1 จุด

วันนี้ (22 พ.ค. 68) นายจำเนียร ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง หมู่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และผู้นำชุมชน ได้รับแจ้งจาก นางพยุง ว่า พบเศษชิ้นส่วนคล้ายโครงกระดูกมนุษย์และเศษเครื่องปั้นดินเผาโบราณ โผล่ขึ้นมาจากดินหลังจากที่เกิดมีน้ำไหลหลากกัดเซาะผืนดินบริเวณคอกกระบือ ที่อยู่ริมลำน้ำมูลที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน จึงเดินทางไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบด้วยสายตาเบื้องต้นพบ เศษชิ้นส่วนที่คล้ายโครงกระดูกมนุษย์ แต่แตกหักชำรุดเสียหายกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ซึ่งเป็นดินลูกรังสีขาวอยู่ติดกับลำน้ำมูลที่ไหลลงสู่เขื่อนลำแชะ ในลักษณะเป็นตลิ่งสูงกว่า 5 เมตร มีร่องรอยน้ำหลากกัดเซาะตลิ่งและมีเศษชิ้นส่วนโครงกระดูกโผล่พ้นดินอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 1 เมตรเศษ ซึ่งพอจะระบุลักษณะได้ว่าคล้ายกะโหลกศีรษะมนุษย์ 3 จุด โดยมีอยู่ 2 จุดที่อยู่ติดกัน แต่อีกจุดอยู่ห่างไปประมาณ 1. 5 เมตร แต่ทั้ง 3 หัวมีร่องรอยถูกน้ำกัดเซาะแตกออกแต่ยังเหลือเค้าโครงของกะโหลกศีรษะ ซึ่งทุกหัวหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับมีเศษชิ้นส่วนอื่น ๆ แตกหักกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังพบเศษชิ้นส่วนคล้ายกับเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ซึ่งมีทั้งสีแดงและสีดำกระจายอยู่ทั่วบริเวณในรัศมี 10 เมตร

จากการสอบถาม นางพยุง วัย 50 ปี เจ้าของคอกกระบือ เล่าว่า เมื่อหลายวันก่อนมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำไหลหลากจากพื้นที่ด้านบนผ่านมาบริเวณคอกกระบือที่มีอยู่รวม 9 ไร่ และไหลกัดเซาะหน้าดินกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตนได้เดินสำรวจก็มาพบเข้ากับเศษโครงกระดูก จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว เดิมทีจุดนี้เป็นจุดที่มีหญ้าขึ้นค่อนข้างรก แต่หลายปีผ่านมา ตนนำควายมาเลี้ยงและควายก็กินหญ้าจนเตียน ประกอบกับฝนตกหนักทำให้บริเวณนี้มองเห็นได้สะดวก  และเมื่อช่วงฝนตกแรกๆเมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีเรือของชาวบ้านผูกเอาไว้ริมตลิ่งด้านบนถูกน้ำซัดมาจมอยู่บริเวณนี้และสามารถเก็บกู้มาได้ 4 ลำ จึงทำให้บริเวณนี้มีคนเดินผ่านเพิ่มขึ้นกรทั่งมาพบโครงกระดูกดังกล่าวในที่สุด

ทางผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ได้เก็บภาพและรวบรวมข้อมูลรายงานไปยังทางอำเภอครบุรี เพื่อให้ประสานทางเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร เข้ามาช่วยตรวจสอบโครงกระดูกชุดนี้ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.68) ที่ผ่านมา มีการพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณพร้อมเครื่องปั้นดินเผาที่โผล่ขึ้นมาหลังถูกน้ำหลากกัดเซาะที่ท้ายบ้านไร่แหลมทองพัฒนา หมู่ที่ 12 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี เช่นเดียวกัน 

หลังจากเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ลงพื้นที่มาตรวจสอบก็สันนิษฐานว่า เป็นโครงกระดูกมนุษย์ที่มีอายุอยู่ในช่วงราว 1,500 – 3,000 ปีก่อน และเก็บกู้กลับไปตรวจสอบแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ากระดูกที่พบบริเวณนี้อาจจะเป็นโครงกระดูกที่อยู่ในช่วงยุคสมัยเดียวกัน เพราะพบร่องรอยการฝังโครงกระดูกมนุษย์ในลักษณะนอนหงายเหยียดยาวพร้อมกับของอุทิศประเภทภาชนะดินเผา หันศีรษะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสัมพันธ์กับร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์  ในช่วงอายุประมาณ 1,500 - 3,000 ปี ซึ่งเป็นช่วงก่อนการรับพุทธศาสนาในดินแดนประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง