ภูมิธรรม แจงศาล ปค.ไม่มีคำสั่งให้ นายกฯ-คลัง บี้ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินระบายข้าว ชี้ คำพิพากษาสะท้อนคลังคำนวณตัวเลขผิด ยกตัวเลขราคาขายข้าวล้อตสุดท้ายเป็นข้อต่อสู้
วันนี้ (27 พ.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลปกครอง ชี้แจงข้อกฎหมายที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ส่วนที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมระบายข้าวเกิน 10,028 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพราะเห็นว่า การกำหนดรายละเอียดงบประมาณต่างๆ ไม่มีความชัดเจน เมื่อศาลฯ ดูรายละเอียด และมีคำตัดสินออกมาจากต้องชดใช้ค่าสินไหมโครงการรับจำนำข้าวที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 10,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากคิดไม่ตรง และเกิดความผิดพลาด แต่ศาลฯ ไม่ได้สั่งบังคับว่าจะต้องไปจ่ายอะไร ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การคำนวนตัวเลขค่าใช้จ่าย มีความผิดพลาดตั้งแต่แรกที่กำหนดมา แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาจึงมีช่องให้พิจารณา
นอกจากนี้ หลักฐานในยุคที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนสามารถขายข้าว 10 ปีได้กิโลกรัมละ 18 บาท จึงเป็นคำถามว่า ช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการขายข้าวในราคา 3-5 บาทต่อกิโลกรัม ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า ข้าวเสียได้อย่างไร ในเมื่อข้าว 10 ปียังขายได้ สะท้อนให้เห็นว่ามีความคลาดเคลื่อนพอสมควร
ตอนนี้ทนายความกำลังยื่นข้อมูล ซึ่งอาจจะนำหลักฐานจากที่ตนได้ดำเนินการไปประกอบให้ศาลฯ พิจารณาว่า เป็นข้อมูลใหม่หรือไม่ เพื่อพิจารณาหักลบค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องว่าไปตามกระบวนการ ในขณะที่กระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ในการกำหนดข้อมูล และฟ้อง ส่วนนายกรัฐมนตรี โดยตำแหน่งในฐานะที่มีปัญหาเกิดขึ้นภายในภายในประเทศก็ต้องกำกับดูแล แต่ศาลฯ ไม่ได้สั่งให้นายกรัฐมนตรี หรือกระทรวงการคลังดูแล
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลขายข้าวไปก่อนหน้านี้สามารถนำไปชดเชยกับค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากคิดตัวเลขผิด ยอดเรียกค่าเสียหายก็ไม่ถึง และช่วงหลังที่ขายข้าวได้ราคาดีกว่า ค่าเสียหายก็ต้องลดลงไปอีก ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตัวเลขหายไปกว่า 20,000 กว่าล้านบาท ทั้งนี้ ต้องรอให้กระบวนการทุกอย่างจบก่อน โดยกระทรวงการคลังยังไม่ควรพิจารณาดำเนินการใดๆ
เมื่อถามว่า เพราะเหตุใดผู้กระทำความผิดเรื่องเหมืองทองอัครา และเรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์ จึงไม่ต้องดำเนินการอะไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้ตนยังไม่ตัดสินใจอะไร และต้องมีการชี้แจง ซึ่งผิดหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะศาลฯ ยังไม่ได้ตัดสิน แต่หากมองประเด็นเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นมาตรฐาน ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นเรื่องเชิงนโยบาย หากผู้ที่ทำนโยบายตามที่ได้รับเลือกตั้งมา และไปเอาผิดกับผู้คุมนโยบายก็มีหลายเรื่องที่สะท้อนให้เห็น เช่น คดีของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็มีความเกี่ยวข้อง
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า เรามีความมั่นใจว่า นโยบายทุกอย่างของพรรคเพื่อไทยผ่านการคิดและกลั่นกรอง และจะผลักดันอย่างเต็มที่ ในแต่ละเงื่อนไข และสถานการณ์ ที่มีความจำเป็นจะต้องปรับ แต่สิ่งที่เราแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะเป็นแนวในการปฏิบัติ หากติดขัดอะไรก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เรามีความตั้งใจ และมีเหตุผลในการเปลี่ยน
นายภูมิธรรม ยังมองอีกว่า หากผู้กำหนดนโยบาย มีความไม่ชอบมาพากล หรือเจตนาแฝงอาจจะต้องรับผิดชอบ แต่กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นความเสียหายในกระบวนการบังคับใช้ หรือการปฏิบัติเรื่องการระบายข้าว ก็ไม่ควรจะเกี่ยวกับผู้บริหาร หรือผู้คุมนโยบาย แต่ยอมรับว่ามันเกี่ยวพันกัน และมีกระบวนการคิดที่ไม่เหมือนกัน เมื่อศาลฯ พิจารณาแล้วก็ต้องเคารพดุลพินิจ ยกเว้นว่า มีข้อมูลใหม่ว่า การตัดสินนั้นอาจมีความคลาดเคลื่อน