คอลัมน์หมายเลข 7 : ใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ?

View icon 247
วันที่ 28 พ.ค. 2568 | 11.45 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - เข้าสู่หน้าฝนแล้ว การแจกถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยของนักการเมืองต้องเพิ่มความระมัดระวัง อาจจะถูกกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ติดตามได้จากคอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้

สติกเกอร์ใบหน้าและชื่อของ "นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ติดบนถุงยังชีพแจกผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปลายปี 2567

กลายเป็นกรณีศึกษาว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตนในการหาเสียงหรือไม่

เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีมติชี้มูลความผิด จะมีการส่งสำนวนฟ้องร้องคดีต่อศาลฎีกา

กรณีของ "นายพีระพันธุ์" ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำมาตรฐานทางจริยธรรมมาบังคับใช้

เพราะที่ผ่านมา มีนักการเมืองอย่างน้อย 4 คน ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ลงโทษตัดสิทธิห้ามสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตและดำรงตำแหน่งทางการเมือง

มาตรฐานจริยธรรม เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2560 มีชื่อว่า "มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ" ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2561 โดยบังคับใช้กับ สส. สว. และ ครม. ด้วย

นักการเมืองทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมนี้ โดยเฉพาะการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ หากใครฝ่าฝืนถือว่าผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

ส่วนกรณีแจกถุงยังชีพมีภาพและชื่อนักการเมืองติดนั้น อาจต้องดูที่เจตนา

สังคมไทยคาดหวังให้นักการเมืองมีจริยธรรม เพื่อบริหารประเทศให้ราบรื่น ปลอดทุจริต แต่หากมีนักการเมือง ใช้รถหลวง แจกถุงยังชีพ หรืออีกหลายพฤติการณ์ที่เป็นการใช้ทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ส่วนตน

อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะเรื่องเล็กมักจะนำไปสู่การปล่อยปละละเลยในอนาคต