สนามข่าว 7 สี - ผลจากการเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ลักลอบขายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนล็อตมหึมาอย่างผิดกฎหมาย ผ่านขนส่งเอกชน ภายในค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช สะเทือนกองทัพภาคที่ 4 สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน
ทลายแหล่งลักลอบค้าอาวุธผิดกฎหมาย ในค่ายทหาร
เป็นภาพของกลาง อาวุธปืน ชิ้นส่วนอะไหล่ และเครื่องกระสุนล็อตมหึมา ที่ทีมปฏิบัติการลับทางทหารเข้าตรวจสอบยึดมาได้จากร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งมี นายวิสุทธิ์ อายุ 41 ปี เป็นชาวอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าของ โดยเป็นการทำสัญญาเช่าพื้นที่ร้านค้าสวัสดิการภายในค่ายวชิราวุธ เปิดดำเนินธุรกิจขายสินค้าผ่านออนไลน์ จำพวกอุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืน เครื่องทหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งรับส่งพัสดุเอกชนด้วย
ตอนแรกไม่มีใครรู้ระแคะระคายว่าร้านนี้ลักลอบขายอาวุธผิดกฎหมาย แต่เรื่องแดงเพราะเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลการค้าอาวุธผ่านออนไลน์ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ สาวถึงต้นทางมาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงนำไปสู่การบุกตรวจค้น 3 จุด
จุดแรก ที่ร้านภายในค่ายวชิราวุธ พบหลักฐานจำนวนมาก มีทั้งอาวุธปืน และชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนจำนวนมาก ต่อมาคุมตัว นายวิสุทธิ์ ไปค้นจุดที่ 2 บ้านพักข้าราชการของพันตรีหญิง เป็นภรรยานายวิสุทธิ์ ซึ่งรับราชการอยู่ในค่ายแห่งนี้ด้วย ปรากฏพบหลักฐานอาวุธปืนหลายชนิด ส่วนจุดที่ 3 บ้านพักของ นายวิสุทธิ์ อยู่ที่ ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาลา พบอาวุธจำนวนมากเช่นเดียวกัน
ทุกจุดที่ไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน มีทั้งสภาพเก่า และใหม่แกะกล่อง โดยเป็นปืนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 50 กระบอก รวมทั้งอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่อีกนับ 100 รายการ โดยอะไหล่บางชิ้นสามารถประกอบอาวุธปืนเอ็ม 16 และกลไกต่าง ๆ ขณะที่กระสุนปืนมีหลายขนาดด้วยกัน นับจำนวนได้ร่วม ๆ 20,000 นัด ซึ่งจากการตรวจสอบเฉพาะกระสุนปืนพบมีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง อยู่ที่ภาคใต้
จากหลักฐานที่ค้นพบ เบื้องต้น นายวิสุทธิ์ ถูกแจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ อีกข้อหา จำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และไม่ได้รับอนุญาตการจำหน่ายจากนายทะเบียน
กองทัพภาคที่ 4 สั่งขยายผลลักลอบค้าอาวุธในค่ายฯ
พันเอก วัชรกร อ้นเงิน โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เผยว่า เรื่องนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ไม่นิ่งนอนใจ สั่งให้ตรวจสอบผู้เช่าพื้นที่ร้านค้าสวัสดิการทุกร้าน และที่อยู่ในทุกหน่วย ในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 อย่างละเอียด ป้องกันการกระทำผิดกฎหมายซ้ำอีก
หลังจากนี้จะขยายผลหากพบมีกำลังพลในสังกัด ไม่ว่าระดับชั้นยศใด เข้าไปเกี่ยวข้องกระทำความผิด ต้องลงโทษทางวินัยสถานหนัก