ไม่เลิกยิ่งจน รายได้น้อย 1-6 พันบาทต่อเดือนแบกหนักค่าบุหรี่ 60% ของรายได้ ขณะที่เหยื่อบุหรี่ไฟฟ้าล่าสุด อายุเพียง 1.7 ขวบ ล่อใจทั้งทอยพอด นิโคตินถุง พอดจมูก ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่น แต่นิโคตินสูงกว่าหลายเท่า
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค. 68 องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญ กระชากหน้ากาก ธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า : นิโคติน เสพติด จน ตาย ถือเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงอันตรายของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า จากผลสำรวจพฤติกรรมการบริโภคยาสูบแบบมีควันของประชากรไทย ปี 2534-2567 พบว่า ไทยสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่จาก 32% ในปี 2534 เหลือเพียง 16.5% ในปี 2567 คิดเป็นอัตราการลดลงสูงถึง 48.4%
“ในกลุ่มประชากรสูบบุหรี่ ที่มีรายได้น้อย 1,043-6,532 บาทต่อเดือน ต้องใช้จ่ายเงินเป็นค่าบุหรี่ซองแต่ละเดือนเฉลี่ย 748 บาท ยาเส้น 127 บาท และบุหรี่ไฟฟ้า 718 บาท เฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อยที่สุด มีสัดส่วนค่าบุหรี่สูงถึง 60% ของรายได้ และยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต่อครอบครัว” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ กล่าวว่า สถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทยมีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าห่วง ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาให้มีรูปลักษณ์หลากหลายมากขึ้น มีกลิ่นและรสชาติมากกว่า 18,000 กลิ่น และราคาถูก ล่าสุดคือ “ทอยพอด” และ “นิโคตินเพาช์” หรือนิโคตินถุง รวมทั้งพอดจมูก หรือบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบยาดม แม้จะไม่มีควันและไม่มีกลิ่น แต่มีปริมาณนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ธรรมดาหลายเท่า
“ที่น่ากังวลคือผลกระทบทางสุขภาพที่รุนแรงและเกิดขึ้นเร็ว โดยมีรายงานเด็กปอดรั่ว-ปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในวัยเพียง 12-14 ปี และยังพบเด็กเล็กวัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ที่สูบบุหรี่และดื่มน้ำกระท่อมภายในครอบครัว” ผศ.ดร.ลักขณา กล่าว