นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ถ้าเลือกได้ก็เลือกสันติวิธี แต่หากปะทะก็พร้อมรับมือ ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่จะมาขอบ้านเราไม่ได้ รัฐบาลทำเต็มที่ รักษาอธิปไตยของเราไว้
วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุก ๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่า ถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้านรัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
นายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลทำเรื่องนี้เต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราไว้ รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่าจะไปทางไหนอย่างไร ”ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด“ ไม่ต้องสงสัย เราเตรียมเครื่องมือพร้อม เผื่อมีการปะทะขึ้นมา เราก็พร้อมที่จะรับมือ ไม่ใช่ประเทศที่เราสันติวิธีปุ๊บ เกิดอะไรขึ้นมาเราไม่พร้อมไม่ได้ ย้ำว่าเราเลือกสันติวิธี ไม่อยากให้มีการปะทะเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่ว่าจะของคนใดก็ตาม อุปกรณ์พร้อม เครื่องมือพร้อม แต่เราพูดคุยได้ทุกระดับ
โดยวันนี้ (4 มิ.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์หน้างานว่าเป็นอย่างไรบ้างและจะมีการนัดพูดคุยเจบีซี ในวันที่ 14 มิ.ย.68 ย้ำว่าเราต้องสามัคคี แต่ในรายละเอียดเล็ก ๆ เราไม่สามารถที่จะมาเปิดเผยได้ทั้งสองฝ่าย ขออย่ามองเรื่องนี้เป็นการเมืองภาพเล็ก คนที่ไม่สนับสนุนกันต้องต่อสู้กันมันไม่จำเป็น วันนี้คนไทยต้องร่วมกันปกป้องพื้นที่ของเรา ปกป้องคนไทยด้วยกัน อันนี้คือเรื่องที่สำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่โซเชียลโจมตีว่า ตระกูลของนายกฯ และสมเด็จฯ ฮุนเ ซน มีความเกี่ยวดองกันมาก นายกฯ กล่าวว่าความสัมพันธ์ในระดับของผู้นำ ไม่เถียงเลยว่าเป็นมิตรกัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะมีเพื่อน เช่น สื่อมวลชนเองก็มีเพื่อน ทุกคนมีเพื่อนได้ แต่ถามว่าถ้าวันหนึ่ง เพื่อนทะเลาะกันหรือเพื่อนไม่เข้าใจกัน เราปรับความเข้าใจกันถูกหรือไม่ มันก็คงจะเป็นเรื่องง่าย ถ้าเป็นเรื่องของการค้าสามารถคุยและยกหูหากันได้ นั่นคือสิ่งที่ทำมาตลอด ไม่ใช่แค่กัมพูชาเท่านั้น มาเลเซียก็ทำ ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนก็ทำ หลายประเทศได้คุยโดยตรง
แต่หากถามว่า เรามีปัญหาจริง ๆ ที่ลึกซึ้ง เพื่อนทะเลาะกันว่าวันนี้ฉันขอบ้านเธอได้ไหม ไม่มีเพื่อนคนไหนจู่ ๆ จะบอกว่า ก็ได้จ้ะ ให้บ้านกัน มันไม่ใช่แบบนั้น เพื่อนก็คือเพื่อน ความสัมพันธ์อันดีก็มีจริง ๆ แล้วตอนที่เกิดเรื่องของความไม่สงบ ตนและนายกฯกัมพูชา ก็ได้พูดคุยกัน ว่าวันนี้เราจะไม่ปะทะกัน ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือจริง ๆ ณ วันนั้น และ เมื่อหน้างานมีเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเองนั้นยังไม่ทราบ โดยในหน้างานก็ได้จัดการกัน ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของรัฐบาล ที่ถูกมองว่ายังนิ่งเฉย จะมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อตอบโต้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราดูเรื่องของความสงบสุข ว่า หากปิดด่านจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ จะเกิดคุณหรือเกิดโทษอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ปรึกษากับทางทหารตลอด ว่าควรจะเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง หน้างานอุณหภูมิประมาณไหน และวันนี้ที่ออกแถลงการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า ได้พูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งรัฐบาลและทหาร ว่าเราควรจะแถลงการณ์แบบไหน เพื่อให้ประชาชนรับทราบ ว่า เราพร้อมที่จะดูแลประชาชน และเราพร้อมที่จะคุยกับต่างประเทศด้วยสันติวิธี
ส่วนท่าทีของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ออกมาไม่ค่อยสอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีพูด นั้น นายกฯอิ๊งค์ กล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่เราต้องยืนยันว่าหากเขาออกมารุนแรง และเรารุนแรงกลับ ถามว่าสันติวิธีจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่หากถามว่าเราเตรียมรับมือหรือไม่ เราเตรียมแน่นอน ถ้าเลือกได้เราเลือกสันติวิธี และวันนี้ยังเลือกได้