ทั้งนี้ตามที่มีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ (28 พ.ค. 68) ซึ่งส่งผลให้ด่านชายแดนไทย – กัมพูชา และพื้นที่อื่น ๆ ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันและระมัดระวังเหตุลุกลามมากยิ่งขึ้นนั้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจังหวัดตราด ในกรณีที่สถานการณ์มีความรุนแรง ทางจังหวัดจึงได้จัดประชุมครั้งนี้ขึ้น โดยที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถานการณ์ตามแนวชายแดนตามแนวชายแดน และการเตรียมความพร้อมในพื้นที่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจังหวัดตราด ปี 2568 และแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภาวะไม่ปกติ (การพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง) จ.ตราด พ.ศ.2568 อีกด้วย
ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอสถานการณ์ตามแนวชายแดน และการเตรียมความพร้อมในพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล โดยเฉพาะแผนการอพยพประชาชนตามแนวไปยังพื้นที่ปลอดภัย 3 จุด ซึ่งพบว่า 3 อำเภอ 25 หมู่บ้าน (เมืองตราด บ่อไร่ คลองใหญ่) มีความเสี่ยงหากอยู่ในภาวะสงคราม ขณะที่ 25 หมู่บ้าน มีหลุมหลบภัยรวม 27 หลุม รองรับคนได้อย่างน้อย 1,500 คน
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ตราด ยังได้เน้นย้ำเรื่องข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ให้สื่อสารและทำความใจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ และหากมีข่าวปลอมควรชี้แจ้งความถูกต้องอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด