เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (5 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากน.ส.ปุ๊กกี้ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ แจ้งว่า ตนเองถูกนายเอก (นามสมติ) อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม ชาว จ.อุดรธานี หาเรื่องจะแจ้งความบุกรุกบ้าน แถมทวงเงินและค่าเสียหายที่ทำทรัพย์สินภายในบ้านเขาเสียหาย เช่น จานแตกก็เรียกเงิน กล้องติดหลังรถเก๋งของตนเองก็จะทวงเอาเงินคืน เงินที่ยืมจากบัตรเครดิตของแฟนหนุ่มซื้อมือถืออีก 6,000 กว่าบาท แฟนหนุ่มต้องการทวงเอาหมดทุกอย่าง แบบนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ขอความยุติธรรม อยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่
ส่วนมูลเหตุเริ่มต้นเกิดจากทะเลาะกัน โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา แฟนหนุ่มได้ออกไปเที่ยวแล้วโทรมาให้ไปรับ แต่ตนเองไม่ไปรับ บอกเขาว่าขี่รถจยย. ไปเองก็ให้กลับเอง ทำให้เขาโมโห กลับมาจึงเผาเสื้อผ้าตนเองวอด และไล่ให้ตนเองออกจากบ้าน จนตำรวจมาเคลียร์ ก็ยังเผาเสื้อผ้าจนวอด เอกสารสำคัญอีก

พร้อมกับนำคลิปหน้าบ้านของแฟนหนุ่มมาให้ผู้สื่อข่าวดู จะเห็นเพลิงกำลังลุกไหม้ถังพลาสติกใส่เสื้อผ้าที่กองอยู่หน้าบ้าน มีเสื้อผ้าถูกเผา ตำรวจก็มาไกล่เกลี่ย แต่ปรากฏว่านายเอก ได้จุดไฟเผาเสื้อผ้าแฟนสาวต่อหน้าตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ได้กล่าวตักเตือนอย่าทำแบบนี้ รบกวนชาวบ้าน และอย่าทำร้ายผู้หญิงเพราะเขาเป็นสตรีเพศ หากมีอะไรก็ไปเคลียร์ที่โรงพัก นอกจากนี้ยังมีคลิปที่นายเอก ได้โทรมาด่าแฟนสาวสารพัด จะแจ้งข้อหาบุกรุกและทวงเงินทั้งค่ายืมจากบัตรเครดิตไปซื้อมือถือ ทวงแม้กระทั่งจานแตกก็จะเรียกค่าเสียหาย
น.ส.ปุ๊กกี้ เล่าว่า ตนเองรู้จักกับนายเอกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ จ.เพชรบูรณ์ เขาไปทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เขาทักมาจีบ ก็เห็นเป็นคนเอาใจใส่ เทคแคร์เก่งเลยคบดู ต่อมาเมื่อเดือน มี.ค. 68 เขาชวนมาอยู่บ้านที่ จ.อุดรธานี ด้วย บอกว่ามาหางานทำแล้วมาอยู่บ้านเขา ใช้ชีวิตร่วมกัน ตนเองจึงตัดสินใจมา โดยมาพักบ้านแฟนหนุ่มในตัว อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยเขาทำงานเป็นช่างแอร์ ส่วนตนไปสมัครงานเป็นพนักงานบัญชี แต่อยู่ได้เพียงไม่นานปรากฎว่าลายออก เมื่อต้นเดือนนี้เขาไปเที่ยวกับเพื่อน ตอนดึกโทรให้ตนไปรับ แต่ตนไม่ไป

จากนั้น ตนก็ขับรถออกจากบ้านแฟนหนุ่มไปนอนตามปั๊มน้ำมัน เพราะคิดว่าถ้าอยู่ เขาเมาแบบนี้มีเรื่องทะเลาะกันแน่ เพราะที่ผ่านมาทะเลาะกันบ่อย พอเขากลับมาไม่เห็นหนู เขาก็ส่งข้อความว่ากูถึงหน้าบ้านแล้วนะไม่ต้องมารับ สักพักเขาก็ส่งรูปข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าต่าง ๆ วางกองอยู่หน้าบ้านมาให้ดู ในใจคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ จึงรีบกลับมาแล้วโทรแจ้งตำรวจไปด้วย พอมาถึงเขาก็เผาเสื้อผ้าหนูเลยต่อหน้าพี่ตำรวจ นอกจากเสื้อผ้า เอกสารสำคัญ บัตรประชาชน วุฒิการศึกษาถูกไฟไหม้หมด ตำรวจมาที่เกิดเหตุแล้วพาไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ตอนนี้แฟนหนุ่มจะแจ้งความหนูข้อหาบุกรุกบ้านเขา ทั้ง ๆ ที่พาเรามาอยู่ด้วย และยังเรียกร้องค่าเสียหายทั้งค่ายืมบัตรเครดิตผ่อนมือถือ ซึ่งตนเองเป็นคนผ่อนเองทุกเดือน เหลืออีก 6,980 บาท เขาต้องการเงินสดยอดเต็ม นอกจากนี้ยังทวงค่าเสียหายที่ตนเองทำจานในครัวเขาแตกด้วย ตอนนี้ไม่ขออยู่ด้วยแล้ว หลังจากเคลียร์อะไรเสร็จ หนูจะกลับบ้านที่ จ.เพชรบูรณ์ มาไกลแบบนี้นึกว่าจะมีความสุขแต่ไม่ใช่ อยากกลับไปหางานทำแถวบ้านและคิดถึงพ่อแม่ หนูไม่เอาแล้ว หนูขอจบกับหนุ่มคนนี้ ไม่แมนเลย

น.ส.ปุ๊กกี้ เล่าต่อว่า แฟนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน หากเขาดื่มเหล้าไปเขายิ่งมีอารมณ์ร้อน ตอนที่มาอยู่ จ.อุดรธานี สังเกตเห็นเขาว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ออกไปเที่ยวเยอะขึ้น ออกไปกินเหล้าบ่อย ทั้งที่เขาก็ตกงาน เวลาเรามีเรื่องทะเลาะกับเขา ส่วนใหญ่เขาก็จะชอบไล่ตนออกจากบ้าน ตนเป็นคนมาจากต่างพื้นที่ต่างจังหวัด จึงไม่ค่อยกล้าหือกับแฟน เหตุการณ์ที่เขาเอาเสื้อผ้ามาเผาล่าสุดนั้นก็ทำให้ตนกลัวและตัดสินใจเลิกกับขาดกับเขาจริง ๆ ก่อนจะเอาเรื่องมาร้องเรียนกับสื่อ เพื่อขอความยุติธรรม ตอนนี้เขาพยายามโทรมาข่มขู่มาว่าหากเจอตนที่ไหนเขาก็จะทำร้าย ตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงกลัวมาก ตอนนี้ตนวางแผนไว้ว่าคงต้องทำงานเก็บเงินไถ่ทองที่เคยเอาไปจำนำไว้ให้ได้ก่อน อนาคตยังคิดไม่ออก
ทั้งนี้ ขณะที่น.ส.ปุ๊กกี้ กำลังให้สัมภาษณ์อยู๋นั้น ปรากฏว่านายเอก ได้โทรศัพท์เข้ามาหา โดยถามว่าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ น.ส.ปุ๊กกี้ ก็ตอบว่าอยู่กับผู้สื่อข่าว ซึ่งนายเอกดูจะโมโห พร้อมบอกว่า เรื่องระหว่างเราจะคุยกันดี ๆ ได้ไหม ทำไม่ต้องเอาเรื่องไปบอกผู้สื่อข่าว จะออกสื่อประจานกันใช่ไหมหรือจะได้ฟ้องร้องกัน วันเสาร์ตนก็จะไปพร้อมทนายฟ้องร้อง ถ้าเราไม่รักกันแล้วหรืออยากจะมีเรื่องมีคดีความก็เชิญได้เลย
ส่วน น.ส.ปุ๊กกี้ ก็บอกว่า เลิกแล้วไม่กลับไปคืนดีแน่นอนแล้ว โดยช่วงปลายสาย นายเอกขอนัดให้สัมภาษณ์อีกครั้ง พร้อมกันนี้นายเอกยังส่งข้อความมาบอกน.ส.ปุ๊กกี้ บอกว่า นักข่าวช่องไหนเอาข่าวผัวเมียไปลงจะฟ้องให้หมด จะเอาให้เข็ด ชอบ ๆ นำไปออกเลย
ต่อมา ผู้สื่อข่าวโทรไปหานายเอก อีกครั้งเพื่อขอพูดคุยและฟังมุมของนายเอก แต่นายเอกรับสายแล้วปฏิเสธไม่สะดวกคุย โดยอ้างว่าติดธุระ จากนั้นได้ตัดสายไปทันที
