ข่าวภาคค่ำ - เหตุปะทะกันที่ "ช่องบก" ระหว่างไทย-กัมพูชา ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ชาวบ้านในพื้นที่เตรียมความพร้อม หาที่หลบภัยและแผนอพยพ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับสงคราม เมื่อ 40 ปีก่อน ติดตามรายงานพิเศษ กับคุณเจษฎา อุปนิ
หลุมหลบภัย สิ่งจำเป็นหมู่บ้านชายแดน เครื่องเตือนใจ บาดแผลสงคราม เข้าข่ายของมันต้องมี แต่ไม่มีใครอยากใช้
ทีมข่าว ลงพื้นที่สำรวจหลุมหลบภัย ที่ชาวบ้านบ้านโนนสูง ตำบลโดมประดิษฐ์ 1 ในหมู่บ้านเสี่ยงติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วยกันทำขึ้นเองง่าย ๆ ข้างบ้าน เตรียมพร้อมหากสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากที่บ้านมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่หากเกิดเหตุปะทะ เกรงอพยพไปยังจุดรวมพลไม่ทัน
เดิมแต่ละหมู่บ้านแถบชายแดน มีหลุมหลบภัยบ้านใครบ้านมัน แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ความจำเป็นในการใช้หลุมหลบภัย ก็น้อยลง ชาวบ้านทยอยรื้อทิ้ง
แต่เมื่อสถานการณ์ชายแดนช่องบก รอบนี้ไม่น่าไว้วางใจ ชาวบ้านเริ่มปัดฝุ่น ซ่อมแซมหลุมหลบภัยเก่า ๆ ให้พร้อมกลับมาใช้งานอีกครั้ง
ท่อซีเมนต์วงเก่า ๆ ขนาดใหญ่ ที่เคยถูกใช้เป็นหลุมหลบภัยในอดีต ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม เมื่อกว่า 40 ปีก่อน ถูกปัดฝุ่นเตรียมนำมาใช้งานอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์ชายแดนยังตึงเครียด
หลังมีรายงานการเคลื่อนกำลังยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ แสดงแสนยานุภาพของแต่ละฝ่าย
แต่ทว่าคนแนวหลัง ที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต ไม่อยากกลับไปใช้หลุมหลบภัย หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เบิ่ม เหล่านี้อีก ซ้ำร้ายเหตุการณ์วนเวียนซ้ำซาก สะท้อนใจเมื่อมานั่งเห็นภาพลูก ๆ หลาน ๆ กำลังวิ่งหนีตาย ซ้อมอพยพเข้าไปในหลุมหลบภัย ไม่ต่างจากที่แม่ ๆ ยาย ๆ ในอดีต บาดแผลสงคราม ยังไม่จางหาย แม้จะผ่านไปนานกว่า 40 ปีแล้ว
เสียงสะท้อนชาวบ้าน ได้แต่ภาวนา ขอให้ทุกฝ่ายหาทางออกด้วยสันติวิธี ไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย กลายเป็นบาดแผลฝังใจเหมือนในอดีต