ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แม้ว่าในส่วนของไทย จะยังไม่มีหลักฐานพอดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแก๊งคอลเซนเตอร์ พัวพันบริษัทในกัมพูชา แต่การขึ้นแบล็กลิสต์ กลุ่ม "Huione" เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย อันนี้จะกลายเป็นแต้มต่อที่ดีในสายตาชาวโลก
ข่าวเรื่องความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างน้อย 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของ "กลุ่ม Huione" ไม่ได้ถูกพูดจากไทยก่อน แต่มาจาก หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่โพสต์ลงเว็บฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม
จนถูกนำไปเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับนักธุรกิจ นักการเมือง และนายทุนที่มาจาก "จีน" และ "เวียดนาม" พัวพันกับ แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ และกัมพูชา มีเงินเข้ามาจากเว็บฯ พนัน, แก๊งคอลเซนเตอร์ ประเภทของการหลอกลงทุน
คำนวณความเสียหายจากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ ประมาณ 37 ล้านดอลลาร์, กลโกงการลงทุนราว 36 ล้านดอลลาร์ และกลโกงอื่น ๆ อีกประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ อันนี้คือส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ชัดเจน
เมื่อภาพรวมออกมาเป็นแบบนี้ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการและนักวิเคราะห์ จึงมองว่า ส่งกระทบเชิงลบกับประเทศกัมพูชาอย่างแน่นอน และจะเป็นแต้มต่อของไทยในการพิสูจน์ความจริง
ภาพลักษณ์มาแบบนี้ ไทยทำอะไรได้หรือไม่ ผู้บัญชาการ สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ พูดตามตรงว่ายังไม่ได้ เพราะยังขาดพยานหลักฐานสำคัญที่จะพิสูจน์ได้ว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินจริง แต่อย่างไรก็ตามยืนยันได้ว่า ไทยมีการประสานเรื่องนี้กับ "สหรัฐฯ" อย่างใกล้ชิด หากมีหลักฐานเพียงพอดำเนินคดี ยังไงก็ต้องดำเนินคดีแน่นอน
อีกประเด็นที่นายศิโรตม์ฝากถึงรัฐบาล เกี่ยวกับแผนที่ 1:200,000 ว่า ไทยควรมีความชัดเจนเรื่องแนวทางการต่อสู้ และการชี้แจงข้อเท็จจริง
ไม่คล้อยตามเกมการเมืองของ "กัมพูชา" เพราะการที่ "กัมพูชา" จะไปขึ้นศาลโลก ต้องมีการวางแผนไว้แล้ว ซึ่งไทยก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทำไมเราถึงไม่ต้องการไปขึ้นศาลโลก และส่วนตัวก็เชื่อว่า เหตุการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่น่าบานปลายถึงขั้นสงครามได้