เวลา 09.22 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเบ็ตตี้ดูเมน อำเภอปง จังหวัดพะเยา สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พื้นที่รับผิดชอบของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 เพื่อจัดการเรียนการสอนแก่นักเรียนชาวไทยภูเขาเผ่าม้งและเย้า ตั้งแต่ปี 2528 ปัจจุบัน มีนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 แบบอยู่ประจำ และไป-กลับ 100 คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดน 7 นาย โดย 2 นาย เป็นศิษย์เก่า และมีครูอัตราจ้าง 6 คน ผลการทดสอบ NT ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2567 คะแนนทั้งสองด้านสูงกว่าระดับประเทศ นักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาต่อทุกคน ปัจจุบันมีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ 64 คน ซึ่งหลายคนรับราชการครู ในจังหวัดพะเยาและใกล้เคียง
ในการนี้ ทอดพระเนตรกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมสหกรณ์ ส่งเสริมให้ดำเนินงานเป็นคณะกรรมการ โดยการบันทึกบัญชี กิจกรรมร้านค้า การศึกษาดูงาน ผลการประเมิน นักเรียนทุกคนมีคะแนนระดับดี
กิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางค่า เข้ามาส่งเสริมการพัฒนาและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ "สมุนไพรชาเจียวกู่หลาน" ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ พบมากในพื้นที่ มีคุณภาพสูง มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย โดยช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ ผ่านการทดสอบการปนเปื้อน ไม่พบสารเคมีตกค้าง และได้รับ อย. และส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ลูกประคบสมุนไพรเมี่ยนสูตรผสมข้าวไรซ์เบอรี่ ในชื่อ "สมุนไพรน้อยโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเบ็ตตี้ดูเมน" ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันการพัฒนาอาชีพโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ซึ่งใส่ "จานฮ่บ" หรือ "จานเครือ" สมุนไพรท้องถิ่น มีสรรพคุณคลายกล้ามเนื้อ เน้นการถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนเพื่อสร้างนวัตกรน้อย ให้นำความรู้ไปส่งต่อยังครอบครัวและคนในชุมชน
การสาธิตการปักผ้าชนเผ่าเย้า หรือ "เมี่ยน" หรือ "อิ้วเมี่ยน" โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เด่นชัดคือการแต่งกายตามจารีตประเพณี มีฝีมือด้านการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม ผู้ชายเชี่ยวชาญการทำเครื่องเงิน และผู้หญิงเชี่ยวชาญการปักผ้า ซึ่งโรงเรียนได้ส่งเสริมให้นักเรียนฝึกฝนการปักผ้าแบบต่าง ๆ เช่น แบบยิ่ว แบบทิว แบบเจี่ยม และแบบดับญัต เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น เมื่อเกิดความชำนาญจะสามารถปักผ้าลายพื้นฐานโบราณของชนเผ่าเมี่ยน ที่มีหลากลวดลาย และสามารถปักลายตามความจินตนาการได้
โรงเรียนมีผลผลิตทางเกษตร เนื้อสัตว์ และถั่วเมล็ดแห้ง เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมส่งเสริมการฝึกอาชีพ ได้แก่ การทำอิฐบล็อกทำมือ การเพาะชำกิ่งอาโวคาโด และการเพาะพันธุ์ปลาตะเพียน เพื่อฝึกทักษะการดำรงชีพ
โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมราษฎร, หน่วยแพทย์พระราชทาน และหน่วยทันตกรรม พระราชทาน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ โรงพยาบาลพะเยา ทันตบุคลากรสังกัดจังหวัดพะเยา ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ออกหน่วยตรวจสุขภาพ และให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ แก่ประชาชนตำบลผาช้างน้อย และใกล้เคียง ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2568 มีผู้เข้ารับบริการ 614 คน ส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ รองลงมาคือระบบทางเดินอาหาร ในการนี้ ทรงรับผู้ป่วย 1 คน ไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์
เวลา 13.08 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาชีวศึกษาเชียงราย-พะเยา ซึ่งเปิดสอนมานาน 60 ปี เมื่อแรกตั้งอยู่บนดอยหลวง ที่บ้านกิ่วกาญจน์ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย การคมนาคมยากลำบาก ภายหลังมีถนนตัดผ่าน ราษฎรจึงอพยพลงมาตั้งหมู่บ้านและโรงเรียนในพื้นที่ ปัจจุบัน นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งและลาหู่ มีนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 138 คน ครู ตชด. 9 คน ครูอัตราจ้าง 3 คน
กิจกรรมเด่น คือ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีพื้นที่ปลูกผัก 2 ไร่เศษ มีทั้งแปลงปลูกผักเถาเลื้อย แปลงปลูกในโรงเรือน และปลูกในวงล้อ ส่งเสริมให้เรียนรู้การเพาะกล้าผัก กำจัดวัชพืช เลี้ยงแหนแดงเป็นธาตุอาหารเสริม และทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งมีประโยชน์ต่อพืชและดินหลายด้าน ช่วยให้พืชแข็งแรงขึ้น ปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ส่งผลให้ระบบนิเวศในดินดีขึ้น สอดคล้องกับแนวพระราชดำริที่ทรงส่งเสริมให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีทางการเกษตร ทำให้การเพาะปลูกมีความปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น
โครงการฝึกอบรมพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าปักชาวเขา เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ประสบผลสำเร็จ โรงเรียนฯ ดำเนินงานร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย สนองพระราชดำริฯ ที่ทรงพระกรุณาโปรดกระหม่อมพระราชทานจักรเย็บผ้า พร้อมเงินกองทุนหมุนเวียน จัดซื้ออุปกรณ์ เมื่อปี 2562 มีกลุ่มแม่บ้านของชุมชนช่วยให้ความรู้ด้านการปักผ้าชาวเขา, การจิกผ้าม้ง ลายดั้งเดิม เช่น ลายก้นหอย, การทำผ้าพิมพ์ใบไม้ด้วยเทคนิค Eco Printing และการตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความทันสมัย เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น จำหน่ายที่ร้านค้าในตัวอำเภอ และมีหน่วยงานสนับสนุน รับซื้อไปจำหน่ายต่อ อาทิ ร้านภูฟ้า, สมาคมแม่บ้านตำรวจ, มูลนิธิศูนย์เพื่อน้องหญิง และสหประชาชาติในประเทศไทย
ส่วนห้องสมุด รวบรวมทะเบียนหนังสือไว้มากกว่า 6,000 เล่ม ครูและนักเรียนช่วยกันดูแลรักษาหนังสือเก่าให้ใช้งานได้ดี นอกจากนี้ยังมีหนังสือใหม่ให้เรียนรู้ ฝึกอ่าน ทันยุค ทันสมัย, มีห้องสหกรณ์ ส่งเสริมให้เรียนรู้เรื่องการออม การจดบันทึก ทำบัญชี และการทำงานร่วมกันอย่างมีระบบ ผ่านการดำเนินงานจริงในรูปแบบสหกรณ์ ช่วยปลูกฝังความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และจิตสำนึกด้านเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่วัยเยาว์
ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนฯ ดำเนินกิจกรรมตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริฯ มาโดยตลอด ส่งผลให้เด็กและเยาวชนมีการศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างสมดุลในทุกด้าน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ยังถ่ายทอดไปสู่ชุมชน ทำให้ทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้รักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ร่วมกันพัฒนาบ้าน โรงเรียน และประเทศชาติให้ยั่งยืน