หมอเจด ยกเคสอุทาหรณ์ "ตังตัง นัฐรุจี" สโตรกในคนอายุน้อย จุดเริ่มต้นแค่ไอ เจ็บคอ ย้ำเตือนอาการเล็ก ๆ ถ้าไม่รีบรักษาให้ถูกทาง อาจลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่กี่วัน
หมอเจด นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการ รพ.มหาราช นครราชสีมา ให้ความรู้ด้านสุขภาพผ่านเพจเฟซบุ๊ก “หมอเจด” โดยยกเคส "ตังตัง นัฐรุจี" อธิบายของการป่วยสโตรกในคนอายุน้อย "ตังตัง นัฐรุจี นักแสดงสาวที่อยู่ ๆ ก็เป็นสโตรกตอนอายุแค่ 30 ต้น ๆ ฟังดูไม่น่าเชื่อ เพราะเวลาเรานึกถึง “สโตรก” หรือ “เส้นเลือดในสมองตีบ” ส่วนใหญ่มักนึกถึงคนอายุ 60–70 ขึ้นไป
แต่เคสของ "ตังตัง นัฐรุจี” นั้นไม่ใช่เลย จุดเริ่มต้นของเธอ มันเป็นแค่ “ไอ เจ็บคอ” แบบที่เราทุกคนก็เป็นกันเป็นประจำด้วยซ้ำ หมอเจดได้ไล่เรียงจากปลายทาง ถึงการที่ "ตังตัง นัฐรุจี” พูดไม่ได้เพราะสโตรก โดยย้อนกลับไปดูว่า “เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย”แล้วจะได้เข้าใจ ว่าเรื่องพวกนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมาก
1.เริ่มจากไอ จบที่สโตรก จากที่น้องตังตังเล่าเอง เธอเริ่มจาก “ไอ เจ็บคอ” แล้วกลายเป็น “ปอดอักเสบ” จากนั้นเชื้ออักเสบก็ลามไปที่ “กล้ามเนื้อหัวใจ”และสุดท้าย วันหนึ่งตื่นมาแล้ว “พูดไม่ได้” ตรวจพบว่า “เป็นสโตรก” ฟังดูเร็วมาก และเป็นภาพที่ชัดเจนเลยว่า “อาการเล็ก ๆ” ถ้าไม่รีบรักษาให้ถูกทาง อาจลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่กี่วัน เพราะการติดเชื้อในร่างกาย ถ้ารุนแรงหรือควบคุมไม่ดี อาจทำให้ร่างกายสร้าง “ลิ่มเลือด” ซึ่งเจ้าลิ่มเลือดนี้ล่ะ คือ สาเหตุ
2. สโตรกวัยรุ่น วัยทำงาน ไม่ใช่เรื่องแปลก หมอเจดอธิบายว่า โรคสโตรก (Stroke) จริง ๆ มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ เส้นเลือดตีบ กับ เส้นเลือดแตก แต่ในคนอายุน้อย มักจะเจอแบบ “ตีบ” มากกว่า
ตีบแบบไหน ก็จะมี 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ 1. Embolic stroke อยู่ดี ๆ ลิ่มเลือดจากที่อื่นในร่างกาย ล่องลอยมาอุดเส้นเลือดในสมองแบบเฉียบพลัน และ 2. Thrombotic stroke เส้นเลือดค่อย ๆ ตีบจากพวกไขมันสะสม เช่น คนที่มีเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง
หมอเจด บอกด้วยว่า ในเคสน้องตังตัง ถ้าดูจากที่ต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด และไม่ได้มีโรคประจำตัวเดิมที่บ่งชี้ว่าเส้นเลือดตีบสะสม น่าจะเป็นแบบ Embolic พูดง่าย ๆ ก็คือ ลิ่มเลือดน่าจะล่องมาจาก “หัวใจ” แล้วไปอุดสมอง
3. หัวใจติดเชื้อ ลิ้นหัวใจอักเสบ = ลิ่มเลือดเกิดง่าย ทำไมลิ่มเลือดถึงมาจากหัวใจ หนึ่งในสาเหตุที่พบได้คือ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ เชื้อจากที่อื่นในร่างกาย เช่น ปอด หรือช่องปาก ลามเข้ากระแสเลือด แล้วมาติดอยู่ตรงลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดการอักเสบตรงนั้น และพอหัวใจเต้นแรง ๆ ลิ่มเลือดที่ก่อตัวตรงลิ้นหัวใจก็ถูกปั่นแล้วพุ่งขึ้นไป “อุดเส้นเลือดในสมอง”
“พอนึกภาพออกไหม หัวใจเราปั๊มเลือดตลอดเวลา แล้วอยู่ดี ๆ มัน “ส่งลิ่มเลือด” ขึ้นสมอง แค่นี้ก็เกิดสโตรกได้แล้ว ในเคสนี้อาจเริ่มจากเชื้อในปอด แล้วลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือถึงลิ้นหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสสร้างลิ่มเลือดได้ง่ายมาก”
4. ฟัน หรือ ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผลในปาก ปัญหาเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียหลุดเข้ากระแสเลือดได้ง่าย โดยเฉพาะแบคทีเรียกลุ่ม Streptococcus ซึ่งถ้าเข้าไปถึงหัวใจ ก็จะไปอักเสบที่ “ลิ้นหัวใจ” ได้ หลายคนคิดว่าเหงือกบวม ฟันผุ มันไม่เกี่ยวกับหัวใจ แต่จริง ๆ แล้ว มันเกี่ยวกันแบบตรง ๆ เพราะฉะนั้น ดูแลช่องปากให้ดี แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน หมั่นตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน ถ้ามีเหงือกอักเสบหรือฟันผุเรื้อรัง รีบรักษาให้จบ รวมถึง ถ้ามีแผลตามตัว หรือ “เจ็บคอ” แบบมีไข้ ไอมาก เสียงเปลี่ยนแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน อย่าซื้อยากินเองอย่างเดียว ไปหาหมอ ตรวจให้ชัด ว่าใช่เชื้อรุนแรงหรือไม่
5. สโตรกป้องกันได้ ถ้าเข้าใจต้นทาง ฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆคือ “มันป้องกันได้ หลายเคสของสโตรกในคนอายุน้อย มาจากเหตุที่เราคาดไม่ถึง เช่น
การติดเชื้อรุนแรงที่ปล่อยไว้
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปัญหาในช่องปาก
การใช้ยาบางชนิดโดยไม่รู้ความเสี่ยง เช่น ยาคุมบางชนิดในผู้หญิง
สิ่งที่เราทำได้คือ ใส่ใจสุขภาพพื้นฐาน ไม่ปล่อยให้การติดเชื้อเรื้อรัง หมั่นตรวจฟัน ตรวจร่างกายประจำปี ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นภูมิแพ้ตัวเอง, เคยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรแจ้งหมอทุกครั้งที่ตรวจ เรื่องของน้องตังตังเป็นอุทาหรณ์ที่ดีมาก เพราะมัน “เรื่องธรรมดา” ที่หลายคนมองข้าม หมอเชื่อว่าเธอโชคดีมากที่ได้รับการรักษาไว และค่อย ๆ ฟื้นตัว หวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะรู้ว่า สโตรกไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงอายุ และมันไม่ได้มาแบบให้เวลารู้ตัวนานเสมอไป
หมอเจด ฝากทิ้งท้ายว่า ถ้าไม่สบาย แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ให้ไปหาหมอ ใครที่มีเรื่องอ้วน หรือมีโรคประจำตัว ต้องรีบดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ปรับการกิน รักษาความสะอาดในช่องปากเสมอ