ยายใจสลาย! หลาน ม.2 ถูกรุ่นพี่ ม.4 รุมตบ ปมผู้ชายคนเดียวกัน หนำซ้ำ ทางโรงเรียน-ตำรวจ สั่งลบคลิปหลักฐาน โอด "เราจนใช่ไหม ถึงไม่มีสิทธิออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม"
20 มิ.ย. 68 จากเหตุสะเทือนใจในพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กรณี ด.ญ.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ถูกนักเรียนรุ่นพี่ ม.4 จำนวน 3 คนรุมทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง โดยสาเหตุคาดว่ามาจากปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับชายหนุ่มคนเดียวกัน ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ลงในโซเชียล จนเกิดกระแสเรียกร้องความเป็นธรรม ขณะเดียวกันกลับมีความพยายามจากครูและตำรวจในการกดดันให้ลบคลิปออก
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถาม ด.ญ.น้อย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รุ่นพี่ทักข้อความมาชวนออกไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่เมื่อไปถึงกลับถูกกักไม่ให้กลับบ้าน จากนั้นรุ่นพี่เดินเข้ามากระชากผมจนล้มลง ก่อนจะรุมเตะ จับหัวโขกพื้น ทั้งที่ร้องขอชีวิตและขอกลับบ้าน แต่ก็ยังถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง จนมีเพื่อนอีกคนเข้ามาห้าม
ด.ญ.น้อย ยอมรับว่า เคยมีปัญหาเรื่องชายหนุ่มที่ตนคุยอยู่ ต่อมารุ่นพี่คนหนึ่งมาคบกับชายคนนั้น และเคยมีการเคลียร์ใจกันแล้ว จึงไม่คิดว่าจะถูกหลอกมาทำร้ายเช่นนี้
ด้าน นางชะลอ อายุ 70 ปี ยายของ ด.ญ.น้อย เผยว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่การทะเลาะวิวาทธรรมดา เพราะยังไม่เห็นคลิป จึงยอมเจรจาไกล่เกลี่ย โดยทางรุ่นพี่เยียวยาค่ารักษาพยาบาลจำนวน 6,000 บาท แต่หลังจากมาเห็นคลิปด้วยตัวเอง จึงรับไม่ได้กับความโหดร้ายของเหตุการณ์
“เลี้ยงหลานมาไม่เคยตีเลยสักครั้ง พอเห็นคลิปน้ำตาไหล หัวใจสลาย ยืนยันจะไม่ยอมความ และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” นางชะลอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
โดยหลังคลิปเผยแพร่ออกไป ผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงนำไปโพสต์เรียกร้องความเป็นธรรม ปรากฏว่าทั้งครูที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมาขอให้ลบคลิปออก อ้างว่าไม่อยากให้การทำงานยุ่งยาก พร้อมทั้งมาที่บ้านเพื่อขอให้ลบเนื้อหาทั้งหมด สร้างความไม่พอใจแก่ครอบครัว ซึ่งมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหาย
“เราจนใช่ไหม ถึงไม่มีสิทธิออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม หลานโดนทำร้ายจริง มีหลักฐาน แต่กลับถูกสั่งให้เงียบ” ยายกล่าว
ขณะที่ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา นางชะลอ หนูมา ได้นำหลานสาวเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด เพื่อดำเนินคดีกับนักเรียนรุ่นพี่ ม.4 ทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยขอให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยไม่มีการยอมความใด ๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมออนไลน์กำลังติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทของครูและตำรวจว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ในการเข้ามากดดันให้ผู้เสียหายลบคลิป ทั้งที่ควรให้การสนับสนุนในการหาความเป็นธรรม