ยุบสภาฯ ไม่ใช่ทางออก ในวันที่เจอภัยคุกคามจากภายนอก รัฐบาลฝ่ายเขาอำนาจล้น ขณะที่รัฐบาลฝ่ายเรารักษาการณ์ ลั่นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องเกิดขึ้นแน่ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้
ปมคลิปเสียงนายกฯอิ๊งค์ วันนี้ (20 มิ.ย.68) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า ยุบสภาฯ ไม่ใช่ทางออก ประวัติศาสตร์การเมืองระยะใกล้ การยึดอำนาจ 2 ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลยุบสภาฯ ความเป็นจริงของการเมืองไทย ยุบสภาฯ จึงไม่ใช่หลักประกัน หรือ เครื่องมือตัดวงจรการยึดอำนาจ
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า โดยหลักการ การยึดอำนาจเป็นวิธีการนอกระบบ ไม่อยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย จึงไม่ควรถูกนำมาอ้างเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจทางการเมืองระบบรัฐสภา ยุบสภาฯ ก่อนถูกยึดอำนาจ รีบเปลี่ยนแปลงในระบบก่อนอำนาจนอกระบบจะเข้ามา
“ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องแนวนี้ ถ้ายึดก็มีความหมายเดียวคือการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชน ไม่มีเหตุผลใด ๆ มากล่าวอ้าง และไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลชุดใดก็ตามที่ไม่ยุบสภาฯ แล้วถูกยึดอำนาจ เพราะที่ยุบแล้วก็ยังยึด”
นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า ยุบสภาฯรัฐบาลจะไม่มีอำนาจเต็ม การทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการณ์จะอยู่ภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง การใช้อำนาจบริหารทั้งคนทั้งงบประมาณต้องขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกพรรคมีภารกิจหาเสียง ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เผชิญหน้าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งใช้สารพัดวิธีการเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
“รัฐบาลฝ่ายเขาอำนาจล้น รัฐบาลฝ่ายเรารักษาการณ์ บทบาทหลักจะเป็นของกองทัพ สภาพการณ์แบบนี้น่าห่วงเรื่องการยึดอำนาจมากกว่า ผมชื่นชมความชัดเจนของผู้นำเหล่าทัพที่ประกาศจุดยืนปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์นี้ประเทศไทยต้องพึ่งพาท่าน เพื่อนำกองทัพทำงานอย่างเป็นเอกภาพกับรัฐบาล แม้คณะยึดอำนาจที่ผมพบมาก็เคยพูดแบบนี้ แต่ในวันที่เจอภัยคุกคามจากภายนอก เมื่อกองทัพพร้อมทำหน้าที่ร่วมกับรัฐบาล การรักษาเสถียรภาพทางการเมืองจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
นายณัฐวุฒิ ระบุทิ้งท้ายว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องเกิดขึ้นภายใน 2 ปีหรืออาจเร็วกว่านั้น แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้