“ครม.” หว่านเงินทั่วประเทศ 115,375 ล้านบาท ผ่าน 481 โครงการ หวังกระตุ้น GDP เพิ่ม 0.4% “อีสาน” ได้มากสุด เพราะรายได้ต่อหัวน้อยสุด
วันนี้ (24มิ.ย.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ 481 โครงการ 8,939 รายการ ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เม็ดเงินต้องกระจายทั่วประเทศ เกิดการสร้างงาน โดยงบประมาณนี้ เป็นงบกลาง ประจำปีงบประมาณ 2568 มีเงื่อนไขต้องผูกพันให้เกิดขึ้นภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้
1) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 34 โครงการ วงเงินรวม 85,000 ล้านบาท เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ วงเงิน 39,136 ล้านบาท โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 26 โครงการ วงเงิน 45,864 ล้านบาท
2) ด้านการท่องเที่ยว 420 โครงการ วงเงินรวม 10,053 ล้านบาท คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 55,059 ล้านบาท และมีประชาชนได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวประมาณ 7.6 ล้านคน
3) ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล 10 โครงการ วงเงินรวม 11,122 ล้านบาท เช่น ด้านแรงงาน 1 โครงการ วงเงิน 10,000 ล้าน บาท ช่วยบรรเทาผลกระทบให้แรงงาน และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษี
ของสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นลำดับแรก ผ่านการสนับสนุนสินเชื่อให้สถานประกอบการกว่า 1,700 แห่ง
4) ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ 17 โครงการ จำนวน 9,201 ล้านบาท เช่น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) วงเงิน 4,000 ล้านบาท ทุนมนุษย์ด้านการศึกษา วงเงิน 3,641 ล้านบาท และ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 1,560 ล้านบาท
สำหรับเม็ดเงินที่ลงสู่พื้นที่แบ่งตามภูมิภาค จะพิจารณาจากรายได้ต่อหัวของประชากร ถ้ารายได้ต่ำ จะได้เม็ดเงินลงทุนสูง ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้มากที่สุด 32,727 ล้านบาท กทม. และปริมณฑล 29,878 ล้านบาท ภาคเหนือ 18,590 ล้านบาท ภาคใต้ 14,159 ล้านบาท ภาคตะวันตก 9,052 ล้านบาท ภาคตะวันออก 6,993 ล้านบาท ภาคกลาง 3,977 ล้านบาท
และ เม็ดเงินที่ลงทุนสนับสนุนให้เกิดการจ้างงาน จะมีไม่น้อยกว่า 7.4 ล้านคน วงเงินการจ้างงาน 34,008 ล้านบาท คิดเป็น 30 % ของเม็ดเงินรวมที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท และ คาดว่า เม็ดเงินทั้งหมด จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4 %
สำหรับงบประมาณ ที่ยังเหลืออีกเกือบ 4 หมื่นล้านบาท นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การใช้จ่ายงบประมาณต้องพิจารณาคุ้มค่าอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ว่ามีเงินเท่าไหร่ต้องใช้ให้หมด อาจมีการพิจารณาเพิ่มเติม
