วันนี้ (25 มิ.ย. 68) ร้อยเวรสอบสวน สภ.จังหาร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ภายหลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง บนห้องนอนบนตัวบ้านพบศพนายอาทิตย์ อายุ 33 ปี มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับด้านขวาจนสมองและกะโหลกหัวกระจายเต็มที่นอน
นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง ทราบชื่อคือ น.ส นันทวัน อายุ 29 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำตัวประมาณ 5 แผล นอนหายในรวยรินอยู่บนที่นอน เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหาร
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พลิกศพของนายอาทิตย์ขึ้นก็พบว่านอนทับมีดปลายแหลมยาวประมาณ 30 ซม. และอาวุธปืนลูกซองสั้นเบอร์ 20 เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบลูกกกระสุน ลูกซองเบอร์ 20 อยู่ในกระเป๋าสะพายของผู้ตายอีก 1 นัด
จากการสอบสวนนาย นายพงศ์พันธ์ อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส นันทวัน เล่าว่า ผู้ตายคือว่าที่ลูกเขย โดยนายอาทิตย์ ได้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอ น.ส นันทวัน เมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว แต่ยังไม่แต่ง และนายอาทิตย์ ได้ทำงานอยู่ที่ จ.นครราชสีมา
ส่วน น.ส นันทวัน ทำงานอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด และนาย อาทิตย์ จะกลับมาทุกวันเสาร์หรือวันอาทิตเพื่อมาหา น.ส นันทวัน แต่วันนี้ในช่วงเย็น ตนเองซึ่งพักอยู่ด้านล่างกับภรรยาและก็เห็นลูกสาวกลับบ้านมาตามปกติ
จากนั้นก็กินข้าวกับครอบครัวและขึ้นไปพักผ่อนบนห้องตนเองและภรรยาก็นอนอยู่ห้องด้านล่างจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดที่ห้องลูกสาวตนเอง จึงรีบวิ่งขึ้นไปดูก็พบว่าลูกสาวตนเองถูกแทง ส่วนนายอาทิตย์ พบว่าเสียชีวิตแล้ว ตนเองจึงรีบขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เพื่อพาลูกสาวตนเองส่งโรงบาล
นายพงศ์พันธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ปกติแล้วนายอาทิตย์จะกลับมาไม่วันเสาหรือวันอาทิตย์แต่วันนี้ไม่รู้เลย ว่านายอาทิตย์กลับมาเพราะเอารถกระบะจอดไว้หลังบ้าน จากนั้นได้เดินเท้าเข้ามาที่บ้าน
โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าทั้งผู้ตายและผู้บาดเจ็บอาจจะทะเลาะกันอย่างรุนแรงทางโทรศัพย์ จากนั้นนายอาทิตย์จึงได้ขับรถมาจาก จ.นครราชสีมา เพื่อหวังจะมาเคลียร์ใจ แต่น่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องจึงใช้มีดที่เตรียมมาแทง น.ส นันทวัน จนแน่นิ่งไป โดยนายอาทิตย์คิดว่าเสียชีวิต จึงใช้ปืนที่เตรียมมายิงตัวเองเพื่อหนีความผิด
เบื้องต้นได้ประสานแพทย์เวรพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ ดำเนินดำเนินการตามกฎหมายต่อไป