เจ้าหน้าที่ไทย-กัมพูชา เจรจาเปิดด่านบ้านผักกาด จ.จันทบุรี เป็นกรณีพิเศษ เพื่อแลกรถ ทั้ง 2 ประเทศกลับบ้าน ทั้งรถจักรยานยนต์กัมพูชาที่ตกค้างในไทย กว่า 70 คัน และรถบรรทุกที่รอกลับไทย จำนวน 12 คัน
วันนี้ ( 25 มิ.ย.68 ) เมื่อเวลา 14:00 น. ที่ผ่านมา บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี มีการเปิดประตูผ่านแดนทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมกันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้รถที่ตกค้างหลังจากมีคำสั่ง เพิ่มความเข้มในการนำรถผ่านเข้าออก ปรากฏว่ามีรถสินค้าของประเทศไทยที่ข้ามไปส่งของแล้วกลับมาไม่ได้ จำนวน 12 คัน ทั้งหมดเป็นรถพ่วงขนาด 22 ล้อ
ส่วนในฝั่งประเทศไทย มีรถจักรยานยนต์ของชาวกัมพูชาที่ต้องการนำกลับบ้าน ส่วนใหญ่แล้วเป็นรถจักรยานยนต์ที่ชาวกัมพูชาใช้ขับขี่กันบริเวณแนวชายแดนหรือบริเวณตลาดบ้านผักกาดแห่งนี้ จำนวนทั้งหมดกว่า 70 คัน
ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา ( 24 มิถุนายน 2568) เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจรจาขอให้เปิดประตูชั่วคราวเพื่อนำรถสินค้าที่ตกค้างกลับเข้ามาประเทศไทย และขอนำรถของชาวกัมพูชากลับเข้าประเทศกัมพูชา แต่ยังเจรจาไม่สำเร็จ กระทั่งช่วงสายของวันนี้ ได้รับสัญญาณดีจากฝ่ายกัมพูชา ยินยอมให้เปิดประตู เพื่อนำรถของทั้ง 2 ฝั่งกลับบ้าน หลังจากเจรจาเสร็จสิ้น ได้มีการนัดที่จะเปิดประชุมพร้อมกันในช่วงเวลา 14:00 น. ที่ผ่านมา โดยก่อนเวลาเจ้าหน้าที่ได้เรียกรถที่จะข้ามแดนมาตรวจสอบเอกสารหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ได้บูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย จนกระทั่งเวลา 14:00 น. ทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดประตูพร้อมกัน ทางฝั่งไทยและกัมพูชาได้ตกลงให้รถกระบะของฝ่ายกัมพูชาข้ามจากแดนไทยไปก่อนเป็นคันแรก และจากนั้นฝ่ายกัมพูชาปล่อยให้รถบรรทุกของไทยเดินทางข้ามมาจนหมด เมื่อรถบรรทุกข้ามมาหมดแล้ว จึงเป็นคิวของรถจักรยานยนต์ของฝ่ายกัมพูชาข้ามผ่านแดนไป
สอบถาม นายสมใจ หรือขุนช้าง อายุ 45 ปี คนขับรถบรรทุกที่เดินทางไปส่งสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ฝั่งกัมพูชา ติดค้างอยู่ฝั่งกัมพูชาถึง 2 คืน เนื่องจากรถเสีย และด่านของกัมพูชาปิด เผยว่า รู้สึกดีใจมาก ที่ได้กลับมาประเทศไทย เพราะคิดถึงภรรยาที่สุด