วันนี้ (29 มิ.ย. 68) นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิ.ย. - ส.ค. ของทุกปี มักพบการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากในกลุ่มเด็กเล็ก การแพร่เชื้อเกิดได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือน้ำตุ่มพองจากแผลของผู้ป่วย
ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถปนเปื้อนอยู่บนของเล่น เสื้อผ้า ภาชนะที่ใช้ร่วมกัน และพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตูหรือราวจับ เป็นต้น สาเหตุที่พบการระบาดในกลุ่มเด็กเล็กเนื่องจากเด็กวัยนี้มักชอบเล่นของเล่นร่วมกัน หยิบของเข้าปาก หรือใช้มือจับปาก จมูก ตา ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
โดยสถานการณ์โรคมือเท้าปาก ณ วันที่ 27 มิ.ย. 68 จากข้อมูลของกองระบาดวิทยา พบว่ามีรายงานผู้ป่วยสะสม 22,162 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กแรกเกิดถึง 4 ปี จำนวน 16,386 ราย ซึ่งมีมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยทั้งหมด รองลงมา คือ กลุ่มเด็กอายุ 5 – 10 ปี (21.9) และกลุ่มอายุ 10 – 14 ปี (2.5) ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ยังนับเป็นข่าวดีที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (1 ม.ค. – 26 มิ.ย. 68) ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว
“เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากในช่วงฤดูฝน กรมควบคุมโรคขอแนะนำให้ผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ต่ำๆ ร่วมกับมีแผลหรือจุดแดงในช่องปาก เช่น บริเวณลิ้น เพดานปาก หรือกระพุ้งแก้ม มีผื่นหรือตุ่มน้ำใสบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลำตัว หรือก้น เด็กเล็กมีอาการงอแง ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มนม มีน้ำลายไหลหรือบ่นเจ็บปาก ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจพบไข้สูงผิดปกติ รับประทานอาหารและน้ำได้น้อยมาก ซึมลง มีอาการชักเกร็ง อาเจียนมาก หรือหายใจหอบเหนื่อย
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม สำหรับการป้องกันโรคผู้ปกครองควรหมั่นสอนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ เพราะเจลแอลกอฮอล์จะไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ หมั่นทำความสะอาดของเล่น ของใช้ของบุตรหลานเมื่อกลับจากโรงเรียนหรือหลังจากพาไปสถานที่อื่นที่มีคนหมู่มาก และสุดท้ายควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนอาหาร เป็นต้น” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
คำแนะนำการป้องกันโรคในสถานศึกษา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอเน้นย้ำให้บุคลากรทางการศึกษาคัดกรองเด็กทุกเช้าอย่างเคร่งครัด หากพบเด็กป่วยให้แยกออกจากเด็กคนอื่นทันที แจ้งผู้ปกครองให้รับเด็กกลับบ้านและให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดี หากมีเด็กป่วยมากกว่า 2 รายขึ้นไปในห้องเดียวกันในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ควรปิดห้องเรียนอย่างน้อย 1 วัน และทำความสะอาดสิ่งของ พื้นที่ห้องเรียน
หลังเปิดเรียนควรเฝ้าระวังคัดกรองอย่างเข้มข้นต่ออีก 1 สัปดาห์ และท้ายที่สุดขอเน้นย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามคำแนะนำทั่วไปของกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สำหรับครูผู้ดูแลเด็กควรปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง