นักเรียนชาวกัมพูชา ขอกลับมาเรียนในไทยคนแรก ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ผู้ปกครองยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะเชื่อผู้นำกัมพูชา
เช้าของวันนี้ (2 ก.ค.68) ที่จุดผ่านแดนถาวร ด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังจากเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย ได้ทำการเปิดประตูเหล็กปกติ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. และจะปิดเวลา 22.00 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านช่องจวมของกัมพูชาที่อยู่ตรงข้ามกันว่าจะขอเปิดประตู ให้ นักเรียนชาวกัมพูชา ซึ่งเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ แห่งหนึ่ง ในอำเภอภูสิงห์ เดินทางเข้ามาเรียน เพราะก่อนหน้านี้ผู้ปกครองได้เชื่อผู้นำกัมพูชา ทั้งการให้แรงงานกัมพูชา เดินทางกลับประเทศ โดยแจ้งว่ามีงานให้ทำในประเทศกัมพูชา และห้ามไม่ให้นักเรียน – นักศึกษา ข้ามมาเรียนในไทย เพราะผู้นำแจ้งว่า ไม่ปลอดภัย หลังเหตุยิงปะทะกันที่ช่องบก
โดยนักเรียนที่ผู้ปกครองกล้าอนุญาตให้ข้ามมาเรียน เป็นหญิง มีเพียง 1 คน เบื้องต้นจากการสอบถามน้องนักเรียน เล่าว่า เดิมทีจะมีเพื่อนๆ ที่ข้ามมาเรียน ราว 12 คน แต่วันนี้ตนได้รับการอนุญาตจากแม่ ให้มาได้เพียงคนเดียวก่อน ที่เหลือผู้ปกครอง พ่อแม่ ยังไม่มั่นใจ ไม่ให้ข้ามมา ตนคิดถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียน อันที่จริงตนเรียนที่ไทยตั้งแต่มัธยม ข้ามไป-มาตรงจุดผ่านแดนช่องสะงำ นี้ทุกวัน ข้ามมาเรียนนับ 10 ปีแล้ว มีเพื่อนนักเรียนเป็นคนไทย จนสามารถพูดไทยได้ดี ตอนนี้เรียนในระดับ ปวช.1 แผนกบัญชี เรียนจบอยากทำงานในไทย เพราะมีความเจริญมากกว่า และบ้านตนที่กัมพูชา ตอนนี้มีคนจีน แห่เข้ามายึดอาชีพค้าขายจากแม่ตน และคนอื่นๆ ไปจะหมดแล้ว
จากนั้นที่ด่านเช้านี้ก็ยังมี รถพยาบาล จากโรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่งในตัวเมืองศรีสะเกษ เดินทางมาส่งผู้ป่วย ชาวกัมพูชา กลับบ้าน หลังจากรักษาอาการป่วยหายดีขึ้นแล้ว จำนวน 5 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคมะเร็ง และเป็นหญิง ซึ่งด่านช่องสะงำ ของไทยก็เปิดประตูปกติ แต่กัมพูชา ยังปิดประตูโดยไม่มีกำหนดเปิด ไม่อนุญาตคน หรือ รถทุกชนิด พืชผักผลไม้ สินค้าทุกอย่างห้ามนำออก จะอนุญาตเป็นครั้งคราว เช่นผู้ป่วยที่ต้องการรักษาที่หมอไทย และนักเรียน-นักศึกษา ให้ข้ามได้ แล้วก็ปิดสนิทเหมือนเดิม