จากกรณีที่มีผู้ปกครองรายหนึ่งได้นำเรื่องเจลลีกัญชา มาโพสต์ในโซเชียลจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากที่เด็กหญิงไป 2 ขวบ 6 เดือน ได้กินเจลลีหมี ผสมกัญชา ไป 10 เม็ด ก่อนที่จะไปโรงเรียน โดยไม่ทราบว่าเจลลีดังกล่าวนั้นมาจากไหนและได้กินเข้าไป เมื่อไปถึงโรงเรียน น้องได้มีอาการง่วงนอนจากคลิปและภาพที่ครูประจำชั้นส่งมานั้น ลูกสาวของเขานั่งหลับ ตาปรือ ง่วงซึมและไม่ร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ครูปลุกมารับประทานอาหาร ก็ไม่ตื่น ทำให้คุณครู จึงได้โทรเรียกผู้ปกครอง เกรงว่าน้องจะไม่สบายทางคุณลุงจึงได้ไปรับและนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งตอนแรกทางแพทย์ก็ยังหาสาเหตุของอาการป่วยน้องไม่เจอ กระทั่งทางครอบครัว ได้มีการคุยกันทางกลุ่มไลน์ และสอบถามว่า วันเกิดของลุงเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 68 มีใครนำอะไรให้น้องกินหรือไม่ ลักษณะเหมือนคนเมากัญชา จึงมีเพื่อนในกลุ่ม ได้บอกว่า ได้มีหนุ่มดาวโอลีแฟนพร้อมแฟนสาว ที่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดของลุงของเด็ก
ได้นำเจลลีกัญชา มากินในงานเลี้ยง
ทางลุงของเด็ก จึงได้สอบถามไป ซึ่งเจ้าของเจลลีกัญชานั้นก็ยอมรับว่า เป็นผู้นำเจลลีไปกิน และลืมนำกลับไปบ้านที่ จ.ลำปางด้วย เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทางลุงของเด็ก จึงได้ไปบอกแพทย์ เพื่อที่จะทำการรักษาเด็ก ซึ่งทางแพทย์ ต้องฉีดยาให้เด็กเพื่อนอนหลับ ทำให้ครอบครัว จึงนำเรื่องนี้มาโพสต์เตือนภัย เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบถึงปัญหา ส่วนผสมในกัญชาที่มาผสมกับขนมหรืออาหาร เพราะถ้าหากเด็ก ไม่ทราบ และนำไปกิน อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับพ่อของเด็กหญิงคนดักล่าว ที่ขณะนี้ได้กลับเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากเพิ่งออกโรงพยาบาลไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 68 เมื่อช่วงบ่าย แต่หัวค่ำววันเดียวกัน ต้องกลับเข้ามารักษาอาการป่วยใหม่ เนื่องจากน้องมี มีไข้สูง และหูแว่วตลอดเวลา
ด้านนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี พ่อของเด็กหญิง บอกว่า ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์สื่อและมีการโพสต์เตือนภัยนั้นเ พราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้ไปเกิดขึ้นกับเด็กคนไหนอีก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นเสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้ ที่ทุกคนภายในบ้านต่างพากันตกใจที่ลูกสาวตนเองมีอาการป่วยง่วงซึมโดยไม่รู้สาเหตุ แต่เมื่อสอบถามเพื่อนของลุงแล้วทราบว่าได้นำเจลลีกัญชา รูปหมี มากินและลืม ก่อนที่ลูกสาวตนจะหยิบกระปุกเจลลีขึ้นรถไปกินขณะไปโรงเรียน โดยเด็กได้กินเจลลีไปถึง 10 ชิ้น เกือบจะช็อก โชคดีที่คุณครูสังเกตุอาการเด็กและทางคุณลุงนำตัวหลานสาวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ทำให้ลูกสาวตนรอดจากเหตุการณ์นี้
ซึ่งจากใบรับรองแพทย์ระบุว่า ลูกสาวตนเองเป็นเป็นภาวะเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวแบบฉับพลัน จากการได้รับพิษกัญชาโดยบังเอิญ และโพรงไซนัสอักเสบเฉียบพลัน จึงทำให้ลูกสาวมีอาการป่วย ดังนั้นจึงต้องการให้คนที่นำเจลลีกัญชามากินที่บ้านตนนั้นออกมารับผิดชอบกับเรื่องนี้ และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการที่คุณนำขนมดังกล่าวเข้ามากินส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ลูกต้องมาป่วยเข้าโรงพยาบาลเกือบเอาชีวิตไม่รอด เบิกค่ารักษาพยาบาลที่หมดไป 50,000 กว่าบาทไม่ได้เพราะประกันไม่จ่าย บอกว่าสาเหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจากโรค เกิดจากสารเสพติด
ขณะเดียวกันอาการของลูกสาวเองก็ไม่ได้หายขาด หลังจากออกโรงพยาบาลไปไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ เพราะมีไข้และหูแว่วตลอดเวลา และหากรักษาอาการหายแล้ว ในอนาคตยังไม่รู้ว่าสารจากกัญชาจะไปกระทบกระเทือนต่อสมองเด็กต่อไปในอนาคตหรือไม่
ดังนั้น เมื่อวานนี้ตอนเย็น ตนได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หางดงแล้ว พร้อมกับนำกระปุกและเจลลีสีดำ 2 ตัว ที่เหลือ ไปเป็นหลักฐานส่งให้กับตำรวจ ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจได้รับลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนและจะส่งเจลลีที่เหลือ 2 ตัวไปตรวจเพื่อหาสารเสพติด
อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากให้กรณีของลูกสาวตนเองนั้นเป็นเคสตัวอย่าง และต้องการฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่ควรมีแต่กฎหมายควบคุมดอกกัญชาเท่านั้นควรมีการควบคุมพวกอาหารและขนมด้วย ซึ่งเด็กที่ไม่ทราบหรือประชาชนที่แพ้กัญชาอาจได้รับอันตรายจากพิษภัยของกัญชาได้