"ครูบิ๊ก พีรมณฑ์" ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกายชุดไทย เผย การจับจีบห่มสไบ กัมพูชาได้อิทธิพลจากไทยตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ลั่น แต่งได้ แต่ต้องให้เครดิต ไม่ใช่เคลมว่าเป็นต้นฉบับ หลังกัมพูชาเสนอ “ประเพณีแต่งงาน” ขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่อยูเนสโก แต่สอดไส้โดยการสวมชุดไทย
ชาวเน็ตลุกฮือ ! หลังกัมพูชาเสนอ “ประเพณีแต่งงาน” ขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่อยูเนสโกในปี 2026 แต่สอดไส้โดยการสวมชุดไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ไทย
เพจฯ ดังโพสต์ลงโซเชียลฯ “กัมพูชาเตรียมยื่น ประเพณีแต่งงาน ขึ้นทะเบียนมรกดโลก” พร้อมสวมชุดไทย แต่ไม่ให้เครดิตที่มาของชุด ทีมข่าวสอบถามไปยังกระทรวงวัฒนธรรม แต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ
ด้านอาจารย์ พีรมณฑ์ ชมธวัช นักออกแบบเครื่องแต่งกายชื่อดัง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวว่า หากประเทศเพื่อนบ้าน ต้องการนำชุดเจ้าสาวที่มีความคล้ายคลึงกับชุดไทยไปสวมใส่ ก็ย่อมทำได้ แต่ควรให้เครดิตที่มาของชุดด้วยเช่นกัน เหมือนที่ไทยให้เครดิตประเทศอื่นมาโดยตลอด หากนำวัฒนธรรม ประเพณี ของชนชาติไหนเข้ามา
เครื่องนุ่งห่มอาภรณ์ของไทย ได้รับการประยุกต์ใช้ มาจากประเทศอื่น ๆ ตามที่ประวัติศาสตร์ได้จารึก หากย้อนดูสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สตรีไทยจะใช้ผ้าจับจีบ นุ่งโจม ห่มสไป ใส่ผ้าซิ่น ซึ่งเป็นการแต่งกายของไทยดั่งเดิม จนเผยแพร่ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ในลักษณะการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
พอมาช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลาง การแต่งกายของสตรีไทย ได้รับอิทธิพลจากฝั่งตะวันตก ผสมผสานกับวัฒนธรรมของไทย
สตรีไทยจะนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อลูกไม้ หรือเสื้อผ้าแพร แขนยาว พองฟู รัดรูป ตัดเย็บเป็นผ้าสำเร็จ คาดเข็มขัด สวมถุงเท้า และรองเท้าส้นสูง ซึ่งไทยเองก็ยอมรับ ว่าเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรม
และในปีนี้ ไทยเตรียมเสนอชุดไทย ขึ้นทะเบียนกับ “ยูเนสโก้” เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยคาดว่า จะได้รับการพิจารณาในช่วงปลายปี 2568