หนุ่ม-สาวโรงงานในกัมพูชาแสดงความกังวล หากถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า 36 % ห่วงอาจต้องตกงาน
จากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายแจ้งเตือนหลายประเทศ รวมถึง ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าจะเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ คนงานชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายในกรุงพนมเปญ ต่างแสดงความกังวลใจ
แม้ล่าสุดกัมพูชาจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าลดลงเหลือ 36 % จากเดิมที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 49 % แต่ถือว่ายังเป็นอัตราภาษีนำเข้าที่สูงมาก โดยแรงงานกัมพูชากลัวว่าหากเป็นเช่นนั้นโรงงานที่พวกตนทำงานอยู่ในปัจจุบันอาจต้องปิดตัวลงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งกระทบไปถึงบรรดาแม่ค้าขายอาหารหน้าโรงงานด้วย เนื่องจากหากโรงงานปิดตัวก็ไม่รู้จะขายอาหารให้ใคร ทั้งหมดจึงคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีนำเข้าที่เรียกเก็บจากสินค้ากัมพูชาลง เพื่อให้โรงงานไม่ถึงกับต้องปิดตัว
ขณะที่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างกำลังหวั่นภาษีของทรัมป์ และพยายามหาทางให้มีการเจรจาเพิ่มเติม โดยทางการอินโดนีเซียเปิดเผยว่า นายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต (Airlangga Hartarto) ผู้เจรจาระดับสูงของอินโดนีเซีย เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันอังคารที่ผ่านมา หลังเข้าร่วมจากการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ที่บราซิล และจะหารือกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ทันที โดยอินโดนีเซียเชื่อว่า "ยังมีพื้นที่สำหรับการเจรจา" (อินโดนีเซีย ถูกเรียกเก็บภาษี 32 %)
เช่นเดียวกับ มาเลเซีย ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25 % (เท่ากับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้) ก็ยืนยันว่า จะเร่งเจรจาเพื่อให้สหรัฐฯ เข้าใจถึงผลกระทบที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับ